“คนฉลาดสร้างสะพาน คนเขลาสร้างกำแพง”
คือประโยคสั้นๆ แต่ทรงพลังที่กล่าวโดย แชดวิก โบสแมน นักแสดงผู้รับบทเป็น ‘ราชาเสือดำ’ หนึ่งในสมาชิกทีมอเวนเจอร์สผู้สร้างปรากฏการณ์สำคัญมากมายให้กับสตูดิโอมาร์เวลและวงการภาพยนตร์ที่เพิ่งเสียชีวิตลงด้วยวัย 43 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งลำไส้มาเป็นเวลา 4 ปีเต็ม
และเป็นประโยคสำคัญที่ทุกคนสามารถนำมาใช้ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยที่ไม่ต้องให้ ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ คนไหนมาคอยช่วยเหลือ
นอกจากความสามารถด้านการแสดง แชดวิกเป็นเสมือน ‘ตัวแทน’ และกระบอกเสียงที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับคนผิวดำมาโดยตลอด ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและการทำงานเพื่อสังคม
รวมทั้งอีกหลาย ‘บทบาท’ ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็น แจ็กกี้ โรบินสัน นักกีฬาเบสบอลผิวดำคนแรกที่ได้เล่นระดับเมเจอร์ลีกใน 42 (2013), นักร้องระดับตำนาน เจมส์ บราวน์ ใน Get on Up (2014), เทอร์กู๊ด มาร์แชล ทนายเชื้อสายแอฟริกันคนแรกที่ได้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดในสหรัฐอเมริกา จากภาพยนตร์เรื่อง Marshall (2017), ทหารผู้ถูกลืมในสงครามเวียดนามจาก Da 5 Bloods (2020) ฯลฯ
และบทบาทที่ทั้งโลก ‘จดจำ’ เขาได้ดีที่สุดคือกษัตริย์ทีชาลาแห่งมหานครวากานดา ผู้สวมชุดเกราะ ‘ราชาเสือดำ’ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องความสงบสุขของประชาชน เริ่มตั้งแต่ Captain America: Civil War (2016), Black Panther (2018), Avengers: Infinity War (2018), Avengers: Endgame (2019) รวมทั้ง Black Panther 2 ถึงแม้เราจะไม่มีโอกาสเห็นแชดวิกสวมชุดเกราะออกมาโลดแล่น แต่เชื่อว่าภาพของ ‘ราชาเสือดำ’ คนนี้จะยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปอีกนาน
เราได้เห็นแชดวิกปรากฏตัวครั้งแรกใน Captain America: Civil War ในฐานะองค์ชายแห่งวากานดาที่พยายามแก้แค้นให้กับกษัตริย์ทีชากา พระบิดาที่ถูกผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิด แต่สุดท้ายเขาก็ละความโกรธ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ‘กฎหมาย’ ในการจัดการกับผู้กระทำความผิด
ใน Black Panther ทีชาลาต้องเผชิญกับปัญหาครั้งสำคัญเมื่อต้องขึ้นครองราชย์แทนบิดา แต่เขายังไม่แน่ใจว่า ‘กษัตริย์ที่ดี’ นั้นเป็นอย่างไร และต้องรับมือกับ ‘คิลมองเกอร์’ ตัวร้ายผู้น่าสงสารที่มาพร้อมกับ ‘ความลับ’ ว่าพ่อที่เขาศรัทธาก็เคยทำเรื่องผิดพลาดอย่างที่ไม่น่าให้อภัยไว้เช่นกัน
ถึงแม้เป็นประเทศร่ำรวยที่สุดในโลก เพราะมีแร่ไวเบรเนียมที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในครอบครองเป็นจำนวนมาก แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กษัตริย์ทุกพระองค์เลือกทำทุกอย่างเพื่อ ‘ปิดประเทศ’ ปกป้องความสงบสุข และเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของโลกอยู่ในเงามืด
แต่ เอ็นโจบู น้องชายของทีชากาที่ถูกส่งมาเป็นสายลับปฏิบัติภารกิจนอกประเทศได้เห็นความจริงว่ามีพี่น้องเชื้อสายแอฟริกันจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะถูกกดขี่ และคิดว่าวากานดาควรใช้อาวุธและเทคโนโลยีที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้มากกว่านี้ ทำให้ลูกชายอย่างคิลมองเกอร์กลับมาที่วากานดาอีกครั้งเพื่อสืบทอดปณิธานของพ่อให้สำเร็จ
เมื่อการต่อสู้ระหว่าง ‘เสือดำ’ ทั้งสองสิ้นสุด จากสองขั้วแนวคิดระหว่างปิดประเทศหรือใช้กำลังเพื่อปกครอง ทีชาลาตัดสินใจเลือกเส้นทางตรงกลางที่ยากที่สุด คือการเปิดประเทศเพื่อใช้เทคโนโลยีของวากานดาเพื่อ ‘ช่วยเหลือ’ ประชาชนที่ตกยากอย่างสันติ
เริ่มต้นจากการตั้งศูนย์ช่วยเหลือระหว่างประเทศ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่วากานดาแบ่งปันภูมิปัญญาและทรัพยากรให้กับโลกภายนอก (เวลาต่อมาทีชาลายอมให้วากานดาเป็นสมรภูมิสู้กับธานอสใน Infinity War) พร้อมกับสุนทรพจน์ที่ทำให้ผู้นำหลายๆ ประเทศที่มีความคิดสร้าง ‘กำแพง’ เพื่อแบ่งแยกผู้คนต้องรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กันถ้าได้ดู
“ในวิกฤต คนฉลาดสร้างสะพาน คนเขลาสร้างกำแพง มนุษย์ต้องหาทุกวิถีทางเพื่อเอื้อเฟื้อดูแลกันและกันให้ราวกับเป็นเผ่าพันธุ์เดียว”
ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่มีราชาเสือดำและเหล่าซูเปอร์ฮีโร่คอยให้ความช่วยเหลือ คงจะมีแต่การ ‘สร้างสะพาน’ เพื่อเชื่อมโยงมนุษย์ทุกสีผิว ทุกชนชั้น ทุกประเทศ และทุกเผ่าพันธุ์แบบที่นักแสดงผู้ล่วงลับได้กล่าวเอาไว้ให้กับทุกคนบนโลกใบนี้ได้รับรู้เท่านั้น
ที่เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์นำพามนุษยชาติผ่านพ้นทุกวิกฤตที่หนักหนาทั้งในปัจจุบันและนับจากนี้ไปด้วยกันได้จริงๆ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
