วันนี้ (25 สิงหาคม) ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน พร้อมด้วย ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม อนุกรรมาธิการ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส. นนทบุรี พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงกรณีที่ พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงข่าวตอบโต้กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบ G2G (จีทูจี) และพาดพิงว่าพรรคเพื่อไทยเล่นเกมการเมืองโดยการสร้างความเกลียดชังมายังกองทัพเรือ
ยุทธพงศ์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยสร้างความเกลียดชังไปยังกองทัพเรือ และโดยส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งใดๆ กับกองทัพเรือ โดยเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่มีความรักกองทัพเรือ และขอบคุณกองทัพเรือที่คอยปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่ในกรณีที่ตนออกมาแสดงความคิดเห็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นการทำหน้าที่ของกรรมาธิการ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนและสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันหรือไม่ โดยไม่มีจุดประสงค์ที่มุ่งทำลายกองทัพเรือ
แต่ในกรณีที่กองทัพเรือตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงว่างบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ อีก 2 ลำนั้นเป็นงบประมาณของกองทัพเรือนั้นเห็นว่า งบประมาณดังกล่าวไม่ใช่งบประมาณของกองทัพเรือ แต่เป็นงบประมาณจากภาษีของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ดังนั้นงบประมาณดังกล่าวจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า หรือต้องการให้คำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พี่น้องประชาชนกำลังเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ และปัญหาเรื่องปากท้อง และขณะเดียวกันรัฐบาลได้กู้เงินจนเต็มเพดานแล้ว และต้องการให้เปรียบเทียบว่าเงินจำนวน 22,500 ล้านบาท ควรที่จะนำมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน หรือควรที่จะซื้อเรือดำน้ำก่อนกัน
“กองทัพเรือจะมาอ้างยืนยันความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ ว่าเกี่ยวข้องกับสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนไม่ได้ ซึ่งมั่นใจว่าหากมีการเจรจาในการชะลอ หรือขอยกเลิกการซื้อเรือดำน้ำ จีนจะสามารถเข้าใจได้เนื่องจากเป็นพี่ใหญ่ และเข้าใจถึงสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงนี้” ยุทธพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ยุทธพงศ์ได้ตั้งข้อสังเกตในการจัดซื้อเรือดำน้ำระหว่างไทย-จีนในครั้งที่ผ่านมาว่าเป็นการจัดซื้อแบบ G2G เก๊ เนื่องจากเป็นการลงนามที่ไม่ใช่การซื้อ-ขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งตามเอกสารที่กองทัพเรือได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะอนุกรรมการครุภัณฑ์ฯ พบว่าเป็นการลงนามซื้อขายจากรัฐบาลไทยกับบริษัทเอกชนของจีน โดยเป็นการลงนามระหว่าง พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ในขณะนั้น และ บริษัท ไชน่าชิปบิลดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ซีเอสโอซี) จึงไม่ใช่การซื้อแบบ G2G
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งชะลอหรือยกเลิกการซื้อเรือดำน้ำเพิ่มอีก 2 ลำ เนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งกองทัพเรือได้ ให้เหตุผลว่าพี่น้องประชาชนยังต้องประสบกับสภาวะที่ลำบาก จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องเร่งด่วนกว่าผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (26 สิงหาคม) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น 6 อาคารรัฐสภา จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณคณะใหญ่ โดยมีวาระในการพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำ
“ยืนยันว่าจะต่อสู้ให้มีการยกเลิกการจัดซื้อเรือดำน้ำให้ถึงที่สุด และกรรมาธิการวิสามัญท่านใดที่ลงมติเห็นชอบให้จัดซื้อเรือดำน้ำ จะต้องรับผิดชอบในการกระทำที่ลงมติดังกล่าวในอนาคต และประเด็นดังกล่าวอาจนำสู่การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเห็นชอบด้วย” ยุทธพงศ์ กล่าว
ขณะที่ ประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ชี้แจงถึงกรณีที่กองทัพเรือ ออกมากล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยเล่นเกมทางการเมือง โดยนำประเด็นเรื่องเรือดำน้ำมาเป็นประเด็นในการโจมตีกองทัพเรือ ยืนยันว่าการหยิบยกประเด็นเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำขึ้นมานั้น เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการ และเป็นประเด็นที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจและเคลือบแคลงใจ จึงเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการที่จะต้องซักถาม และกองทัพเรือมีหน้าที่ในการชี้แจงรายละเอียด โดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด โดยยืนยันว่ายุทธพงศ์และครูมานิตย์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยจริง แต่การออกมาเปิดเผยข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรือดำน้ำ ทำไปตามหน้าที่ของอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์เท่านั้น
ประเด็นสุดท้ายที่กองทัพเรือได้มีการพาดพิงโครงการรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ส่วนโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น พี่น้องประชาชนทั่วประเทศยังมีความสงสัยว่าจะก่อประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศที่มีปัญหาท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สุดท้ายนี้ ยืนยันว่าผู้ที่เล่นเกมการเมืองและสร้างความแตกแยกต่อสังคมที่แท้จริงคือกองทัพเรือไม่ใช่พรรคเพื่อไทย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์