วันนี้ (31 กรกฎาคม) พล.ต.อ. ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ชี้แจงเกี่ยวกับสารโคเคนที่พบในเลือดของผู้ต้องหา ซึ่งชี้แจงว่าได้มีการตรวจเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ผลการตรวจรับทราบเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2555
แพทย์ผู้ตรวจยืนยันว่า สารที่ตรวจพบของสารที่เกี่ยวกับโคเคนนั้นไม่มีการพบโคเคนโดยตรง พบสาร 4 ตัว ซึ่ง 2 ตัวแรก คือ สารยานอนหลับและคาเฟอีน ส่วนอีก 2 ตัว คือ ผลของการย่อยสลายที่ทางการแพทย์บอกว่ามาจากโคเคน ไม่ใช่สารโคเคนโดยตรง
แต่จากการยืนยันจากผู้ต้องหาว่ามีการไปพบทันตแพทย์ แต่ทันตแพทย์ยืนยันในบันทึกคำให้การชัดเจนว่าไม่มีการให้ยาที่มีสารเสพติด
ส่วนสารที่เกิดในผลตรวจผู้ต้องหานั้นอาจมาจากยาปฏิชีวนะอื่น หรือมาจากการเสพโคเคนนั้น ทางคณะกรรมการจะตรวจสอบว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับบอสหรือไม่
ส่วนที่มีการนำเรื่องน้ีไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ และมีการเปิดเผยข้อมูลว่า สารโคเคนดังกล่าวเกิดจากการรักษาฟันนั้น เชื่อว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้คือการหาผู้เชี่ยวชาญที่จะชี้ชัดได้ว่าสารทั้ง 2 ชนิดเกิดจากอะไร ซึ่งอาจประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อหาข้อสรุป และหากท้ายที่สุดพบว่าเป็นสารเสพติดจริง จะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่การเสียชีวิตของ จารุชาติ มาดทอง หนึ่งในพยานปากสำคัญ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่าไม่มีผลต่อการทำงานของชุดพนักงานสอบสวนครั้งนี้ แต่ก็ได้อธิบายว่าจารุชาติเป็นพยานที่ให้การเมื่อเดือนกันยายน 2555 ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องความเร็ว จนกระทั่งปี 2562 อัยการเรียกให้สอบปากคำในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับพยานที่เป็นนายทหาร
อย่างไรก็ตาม เรื่องการพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องความเร็วรถในขณะนั้นยังมีข้อถกเถียงในที่ประชุม ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงต้องมีการสอบสวนในประเด็นนี้ต่อ ส่วนการทำสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนชุดแรกจะมีความบกพร่องทางวินัยหรือไม่อย่างไร คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้พิจารณาไต่ส่วนเรื่องนี้ไปหมดแล้ว ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้นใน 15 วันหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ แต่จะพยายามเร่งรัดให้ทันกำหนด
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล