เมื่อบ้านหรือสถานที่แห่งการพักผ่อนของครอบครัวต้องกลายมาเป็นแหล่งรวมความเกลียดชังโดยน้ำมือมนุษย์ ความเลือดเย็นทำให้บ้านหลังนี้เกิดวังวนของคำสาปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คือคอนเซปต์ที่กลายมาเป็นภาพยนตร์ผีญี่ปุ่นระดับมาสเตอร์พีซที่มีภาพจำคือเด็กหน้าขาว และผีสาวร่างกายบิดเบี้ยว สร้างปรากฏการณ์ความหลอนมาแล้วจากทั่วทุกมุมโลก ได้ถูกนำมารีเมกอีกหลายต่อหลายครั้ง กลายเป็นจักรวาลจูออนที่มีรวมกันทั้งหมดมากกว่า 10 ภาคในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และเพิ่งกลับมาชวนทุกคนเข้าสู่ความผวาอีกครั้งใน Ju-On: Origins (จูออน กำเนิดโคตรผีดุ) เวอร์ชันซีรีส์จำนวน 6 ตอน บน Netflix
ฉากหนึ่งจาก Ju-On: The Grudge (2002)
นับว่าเป็นครั้งแรกของจักรวาลจูออนที่จะพาผู้ชมย้อนไปตามหาจุดเริ่มต้นของคำสาปหรือปริศนาการตายของแม่ลูกคายาโกะและโทชิโอะ ที่ถูกหัวหน้าครอบครัวสังหารอย่างโหดเหี้ยม จนเกิดเป็นความอาฆาตและคำสาปสิงสถิตอยู่ในบ้านหลังนี้ ผู้ที่มาเยือนจะต้องพบเจอกับเรื่องราวสุดสยองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1988 เมื่อ ฮารุกะ นักแสดงและพิธีกรสาวดาวรุ่ง ที่มักจะได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปมากลางดึก จึงขอความช่วยเหลือจากนักวิจัยเรื่องเหนือธรรมชาติ และนักเขียนแนวสยองขวัญอย่าง ฟุรุคาวา ให้ช่วยหาคำตอบว่าเธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร
ก่อนจะพบว่าสาเหตุมาจากเท็ตสึยะ แฟนหนุ่มของเธอที่ต้องการจะหาบ้านเดี่ยวเป็นของขวัญสำหรับชีวิตหลังแต่งงานร่วมกับฮารุกะ แต่บ้านหลังนั้นมีสิ่งผิดปกติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่นำมาสู่เรื่องราวอันน่าสยดสยองตามหลอกหลอนทุกคนที่เข้ามาพัวพัน
และอีกเส้นเรื่องหนึ่งที่เล่าไปพร้อมๆ กัน คือเรื่องราวของคิโยมิ เด็กสาวมัธยมศึกษาตอนปลายที่อาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง ชีวิตครอบครัวของเธอมีปูมหลังแสนโหดร้าย ที่แม่มักจะใช้มันกลับมาทำร้ายจิตใจเธอซ้ำๆ คิโยมิจึงต้องเจอกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามามากมาย และดูเหมือนว่าจะยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อเธอต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านต้องคำสาปหลังนี้ไปด้วย
ในซีรีส์นี้ช่วยขยายความให้เห็นภาพของจักรวาล ‘ผีดุ’ มากขึ้น ว่าแท้จริงคำสาป และเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นมาจากความเกลียดชังของมนุษย์ ที่มักจะจบปัญหาลงด้วยการใช้ความรุนแรงอยู่เสมอ ทำให้คำสาปสะสมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
Ju-On: Origins ฉีกภาพเดิมๆ จากเวอร์ชันเก่าที่มักจะเน้นความสยองและโชว์จุดเด่นของคาแรกเตอร์ผีให้ผู้ชมจดจำ แต่ในเวอร์ชันนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวจิกกัดสังคม พูดถึงความรุนแรงที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม สะท้อนความจริงอันน่าหดหู่สะเทือนใจ
มีการแฝงประเด็นเรื่องการใช้ความรุนแรงเอาไว้มากมาย นำเสนอผ่านข่าวสารทางโทรทัศน์ที่ตัวละครในเรื่องกำลังดูหรือเปิดทิ้งเอาไว้ บางเรื่องก็เป็นคดีดังที่เกิดขึ้นจริงในสังคมยุคนั้น ทำให้รู้ว่ามีการใช้ความรุนแรงอยู่ตลอดเวลาทุกพื้นที่ในสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นมันน่าสยดสยองเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
เรื่องหนึ่งที่ซีรีส์ทำได้ดีมากๆ คือโปรดักชันสวยงามช่วยสร้างบรรยากาศความหลอนและอึดอัดในเวลาเดียวกัน การจัดฉากให้อารมณ์ของปลายทศวรรษช่วง 1980-1990 ให้กลิ่นอายสไตล์ J-horror อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นโลเคชัน คอสตูม การจัดแสง ซาวด์เอฟเฟกต์ หรือองค์ประกอบอื่นๆ ก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี
รวมไปถึงเพลงในช่วง End Credit ที่ถูกกล่าวถึงว่ามีความคล้ายบทสวดชวนขนลุก มีชื่อเพลงว่า Sonkayno ของ Marewrew (เพลงชนพื้นเมืองชาวไอนุ บนเกาะฮอกไกโด ในประเทศญี่ปุ่น) ก็ยิ่งเสริมบรรยากาศความน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
มีจุดที่เป็นปัญหาอยู่บ้าง คือการเล่าเรื่องที่สลับไปมา และมีจุดเชื่อมต่อเข้าหากันค่อนข้างน้อย หรือไทม์ไลน์ที่ทับซ้อนกันในบางฉาก อาจทำให้ผู้ชมสับสนได้ จึงกลายเป็นจุดอ่อนของซีรีส์ที่มีความซับซ้อนในเรื่องของช่วงเวลา รวมไปถึง CG ในบางตอนอาจจะทำให้ขัดใจแฟนหนังผีจูออน ที่คาดหวังความน่ากลัวในแบบฉบับเดิม
แต่เรื่องความน่ากลัวของผีที่ลดลง อาจเป็นกิมมิกที่ซ่อนเอาไว้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว ‘ผี’ ไม่ได้น่ากลัวไปกว่าการที่มนุษย์ทำร้ายกันเอง แต่จิตใจที่โหดเหี้ยมของมนุษย์เป็นตัวก่อให้เกิดคำสาปแช่งอันน่าพิศวงในบ้านหลังนี้ขึ้นมา
รับชมตัวอย่างซีรีส์ Ju-On: Origins ได้ที่
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
