ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังไม่ทุเลา การจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ คงต้องพักไปก่อน แต่ไม่ใช่กับรายการ Twogether คู่เที่ยวเพื่อนทัวร์ โชว์รูปแบบใหม่ที่สองนักแสดง อีซึงกิ จากเกาหลีใต้ และ แจสเปอร์ หลิว จากไต้หวัน จะพาพวกเราไปเที่ยวเอเชีย พร้อมภารกิจและเซอร์วิสแฟนคลับแบบถึงเนื้อถึงตัว
โดยโชว์นี้เริ่มต้นที่ อีซึงกิ พูดภาษาเกาหลี ส่วน แจสเปอร์ หลิว พูดภาษาจีน พวกเขาต้องใช้ภาษาท่าทางและภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ความยากลำบากยังไม่พอ พวกเขายังต้องเดินทางไปเมืองต่างๆ และปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ จึงจะได้พบแฟนๆ ที่รออยู่ ที่แน่ๆ รายการนี้ไม่มีสคริปต์ ทั้ง อีซึงกิ และ แจสเปอร์ หลิว จะไม่รู้เลยว่ามีอะไรรอพวกเขาอยู่บ้าง!
ในงาน Virtual Press Conference จัดขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ทางทีมผู้สร้าง โชฮโยจิน โกมินซอก รวมทั้งสองนักแสดง อีซึงกิ และ แจสเปอร์ หลิว เข้าร่วมงาน พร้อมให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรายการ Twogether ที่ถ่ายทำเสร็จช่วงปลายปี 2019 และแม้ว่าในงานแถลงข่าวจะใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องผ่านการแปล 3 ภาษา ทั้งเกาหลี จีน และอังกฤษ แต่เคมีความเข้าขาของ อีซึงกิ และ แจสเปอร์ หลิว ก็แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน
และใครที่รอคอยรายการนี้อยู่ อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว คงเข้าใจถึงมิตรภาพของผู้ชายสองคน ต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ทั้งยังต้องเดินทางไปในดินแดนที่แตกต่าง ความสนุกสนานและทิวทัศน์ของการเดินทางจะทำให้เรามีความสุขไปพร้อมๆ กับพวกเขา
Twogether มีรูปแบบรายการที่แปลกใหม่ ผสมผสานทั้งการท่องเที่ยว เกมโชว์ และ การเซอร์วิสแฟนคลับ คุณช่วยเล่าที่มาแนวคิดของโชว์นี้ให้ฟังหน่อย
โชฮโยจิน: อย่างแรกเลย เราต้องการทำโชว์ที่ให้นักแสดงจากต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม เดินทางไปในต่างสถานที่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคย และคิดต่อยอดด้วยการเพิ่มส่วนของแฟนคลับเข้ามาในโชว์ แฟนๆ ในแต่ละประเทศจะแนะนำสถานที่ให้ซึงกิและแจสเปอร์ท่องเที่ยวตาม พร้อมภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ จึงจะได้พบแฟนคลับ
ช่วยเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการคัดเลือก อีซึงกิ และ แจสเปอร์ หลิว เพื่อร่วมรายการนี้
โกมินซอก: เราแคสท์ อีซึงกิ เป็นลำดับแรกเลยครับ เพราะเขาคือเจ้าพ่อวาไรตี้ที่เอาโชว์นี้อยู่แน่ๆ แล้วพอคิดถึงใครสักคนที่จะมาร่วมงานกับ อีซึงกิ เรานึกถึง แจสเปอร์ หลิว ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เขาน่าจะทำให้โชว์น่าสนใจขึ้น แล้วทั้งสองคนมีความคล้ายกันหลายอย่าง พอพวกเขาเจอกันครั้งแรก รู้สึกได้ถึงพลังบวกจากทั้งคู่เลยครับ
ถ้าอย่างนั้นอะไรคือสิ่งที่ทำให้ซึงกิและแจสเปอร์ตัดสินใจเข้าร่วมรายการนี้
อีซึงกิ: อย่างแรกเลย เพราะผมอยากทำงานกับโปรดิวเซอร์ทั้งสอง เพราะเราร่วมงานกันมานานแล้วครับ ส่วนแจสเปอร์ ผมก็กังวลเหมือนกัน เพราะเราพูดคนละภาษา แต่พอได้เจอกันแล้ว เขาทำให้ผมไม่ลังเลที่จะทำงานนี้เลยครับ
แจสเปอร์ หลิว: ตอนที่ผมได้รับการติดต่อครั้งแรก ผมเซอร์ไพรส์มาก เพราะผมพูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลยครับ แต่ผมเป็นแฟนพี่ซึงกิมานานมาก ฟังเพลงพี่เขาเยอะมาก เขาเป็นคนที่เก่งมากและสนุกสนานมากๆ พี่ซึงกิเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจร่วมงานเลยครับ
เมื่อได้ร่วมทริปกันแล้ว เข้ากันได้ดีแค่ไหน เคมีระหว่างคุณสองคนเป็นอย่างไรบ้าง
อีซึงกิ: ผมว่าเรามีคาแรกเตอร์คล้ายกัน ทั้งความกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยพลังบวก สำหรับแจสเปอร์ พอได้ร่วมทริปด้วยกัน ผมรู้สึกว่าตัวจริงเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานยิ่งกว่าในจอเสียอีก
แจสเปอร์ หลิว: ผมคิดว่าพี่ซึงกิมีประสบการณ์ด้านวาไรตี้โชว์มาก ผมติดตามผลงานพี่เขามาตลอด พี่เขาเท่มาก เป็นคนเก่งและฉลาดมากครับ พอทำภารกิจไปด้วยกันสักพัก เขามักจะมีอะไรมาให้ผมเซอร์ไพรส์ตลอด เขาเรียนรู้เร็วมาก ผมรู้เลยว่าเขาเก่งมากๆ ยากที่ผมจะทำตามได้ ผมยังต้องเรียนรู้หลายอย่างจากพี่ซึงกิครับ
คุณค่อนข้างที่จะเชี่ยวชาญในรายการวาไรตี้/ท่องเที่ยวที่ไม่มีสคริปต์ แต่ครั้งนี้คุณมีเพื่อนร่วมทางเพียงแค่คนเดียว อะไรคือความน่าสนใจและแตกต่างจากโชว์ที่ผ่านมา
อีซึงกิ: รายการวาไรตี้ ถ้าทำงานเป็นกลุ่มก็จะมีความสบายมากกว่า มีคนร่วมในรายการมากกว่า มีสีสันกว่า แต่พอมาทำโชว์นี้แล้วมีแค่เราสองคน ผมก็กังวัลเหมือนกัน แต่เคมีระหว่างเราสองคนก็สร้างสไตล์ใหม่และเสน่ห์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะเราสองคนที่มาจากแบ็กกราวด์ที่แตกต่าง แต่สร้างมิตรภาพระหว่างกันขึ้นได้น่ะครับ
อะไรคือบทเรียนที่ดีที่สุดที่คุณได้เรียนรู้จาก อีซึงกิ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรายการวาไรตี้ในเกาหลีใต้
แจสเปอร์ หลิว: ผมเรียนรู้ว่าเราต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และรายการนี้ทำให้มิตรภาพของเราอยู่ยาวตลอดไปครับ
คุณมีการเตรียมตัวสำหรับการแก้ปัญหาเรื่องกำแพงภาษาของคุณทั้งคู่อย่างไรบ้าง มีทักษะที่คุณเชี่ยวชาญเป็นพิเศษอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์หรือช่วยคุณได้ในระหว่างการถ่ายทำรายการและการเดินทางครั้งนี้
แจสเปอร์ หลิว: ผมชอบวาดรูปมากครับ พอมีปัญหาเรื่องนี้ ผมก็ใช้การวาดภาพสื่อสารกัน รวมถึงใช้ภาษาท่าทางด้วยครับ ถ้าไม่มีเวลาพอจะวาดอะไรขึ้นมา
อีซึงกิ: ภาษาจีนค่อนข้างยากที่จะเรียนครับ ผมก็เลือกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ อย่างหิวข้าวหรือยัง เหนื่อยไหม หรืออะไรเหล่านี้ และทักษะเรื่องความแข็งแรงของร่างกายก็ช่วยผมได้เยอะมากเลยครับในการทำให้โชว์
ช่วงไหนของการเดินทางที่คุณเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ทำตัวสบายๆ เวลาอยู่ด้วยกันได้
อีซึงกิ: ในเกาหลี สมาชิกในรายการเราจะสบายๆ อย่างการใส่ชุดนอนลายๆ ได้อย่างไม่เคอะเขิน ตอนที่ถ่ายทำรายการนี้ก็เหมือนกันครับ วันที่ผมเห็นแจสเปอร์หยิบชุดนอนคุณชายเขาออกมา กับวันที่เขาเริ่มใส่กางเกงนอนลายๆ คือความแตกต่างของความผ่อนคลาย ผมว่าวันที่แจสเปอร์ให้กางเกงนอนแบบเดียวกันกับผม ผมว่าตอนนั้นแหละครับที่เคมีของเราเข้าที่แล้ว
แจสเปอร์ หลิว: สำหรับผมคิดว่าตอนที่พี่ซึงกิใส่กางเกงนอนสีแชมเปญโกลด์ตัวที่ผมซื้อให้ครับ ส่วนของผมเป็นสีน้ำเงินน่ะครับ ผมว่าพี่เขาใส่แล้วเป็นเจ้าชายได้เลย ตอนนั้นแหละครับที่เราสนิทกันแน่ๆ แล้ว
เราจะได้เห็นด้านอะไรใหม่ๆ ของ อีซึงกิ และ แจสเปอร์ หลิว ในรายการ Twogether
โชฮโยจิน: ซึงกิเคยมาร่วมงานกับเราในรายการ X-Men, Running Man, Busted และหลายรายการเลย ผมคิดว่าโชว์นี้เสน่ห์ของซึงกิจะเปล่งประกายมากที่สุด ส่วนเรื่องกำแพงภาษาผมไม่ห่วงเลย เพราะเขาเข้ากับคนอื่นง่าย และความเป็นผู้นำที่จะทำให้รายการไปได้ด้วยดี ส่วนแจสเปอร์ เขามีองค์ประกอบของหนุ่มในฝันอยู่เต็มเปี่ยม แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ด้านวาไรตี้โชว์ แต่เราก็จะเห็นเขาในมุมต่างๆ มากขึ้น ทั้งสนุกสนาน อ่อนหวาน และเด๋อด๋าบ้างในบางครั้ง ทั้งสองคนมีเสน่ห์มากๆ ครับ
โกมินซอก: ผมอยากเสริมว่า การที่ซึงกิที่เป็นเหมือนสมบัติของวงการเอ็นเตอร์เทนเกาหลี มาพบกับแจสเปอร์ที่เป็นเหมือนเพชรของไต้หวัน คือจุดเด่นของรายการนี้ด้วยครับ
Twogether มีอะไรน่าสนใจที่จะดึงดูดให้ผู้ชมสนใจชม และคุณคิดว่ารายการนี้แตกต่างจากวาไรตี้ท่องเที่ยวทั่วไปอย่างไร
อีซึงกิ: มี 2 เหตุผลหลักๆ คือ ผู้ชายสองคนจากแบ็กกราวด์ที่แตกต่าง ผู้ชายสองคนนี้จะสนิทสนมกันอย่างไร และเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร อีกเหตุผลคือในช่วงนี้คงจะเป็นไปได้ยากที่จะได้เดินทางไปในที่ต่างๆ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ผมคิดว่ารายการนี้จะพาทุกคนไปยังสถานที่สวยงามมากมายในเอเชียแปซิฟิกครับ
แจสเปอร์ หลิว: อย่างที่พี่ซึงกิบอกครับ เราสองคนได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างกัน และสร้างมิตรภาพขึ้น แล้วรายการนี้ไม่มีสคริปต์ครับ ทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจริงมากๆ โดยเฉพาะกับแฟนๆ ในเอเชีย ซึ่งผมประทับใจมากๆ กับประสบการณ์นี้
ทุกครั้งที่ผมถามว่า ตอนไหนจะได้พบแฟนๆ ครับ โปรดิวเซอร์ก็บอกว่า ไม่รู้ ซึ่งทำให้ทุกครั้งที่ได้พบแฟนๆ ผมยิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นไปอีก เพราะมันเกิดขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวก่อนเลยครับ
โชฮโยจิน: ผมชี้แจงหน่อยครับว่ามันไม่ง่ายที่พวกเขาจะได้พบแฟนๆ เพราะพวกเขาต้องทำภารกิจให้ผ่านก่อนถึงจะมีโอกาสได้พบ แล้วผมเองก็จำได้ดีเลยครับว่าพวกคุณดีใจแค่ไหนที่ทำภารกิจผ่านและได้พบแฟนๆ ในท้ายที่สุด
แน่นอนว่าคุณคงต้องกล่าวอะไรปิดท้ายถึงแฟนๆ สักหน่อย
อีซึงกิ: พวกเรารอคอยที่จะเจอพวกคุณในรายการนะครับ และหวังว่าคุณจะชื่นชอบรายการ Twogether ของเราครับ
แจสเปอร์ หลิว: ผมดีใจมากครับ รายการเราเริ่มออกอากาศทาง Netflix ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน แม้ว่าเราจะยังเดินทางท่องเที่ยวกันไม่ได้ แต่ผมหวังว่า Twogether จะทำให้ทุกคนผ่อนคลายและสนุกสนานไปด้วยกันครับ
ตัวอย่างรายการ Twogether
ภาพ: Netflix
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล