วันนี้ (11 มิถุนายน) ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 มิถุนายน) ตนเองได้ลงนามในคำร้อง ที่พรรคฝ่ายค้านขอให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยสถานะความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรนูญหรือไม่ จาก 2 ประเด็นสำคัญว่าเข้าข่ายเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ได้แก่
- กรณีมีความเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและเคยถูกจำคุกในประเทศออสเตรเลีย
- กรณีภรรยาถือหุ้นในกิจการตลาดคลองเตย ซึ่งเป็นคู่สัญญากับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ
สำหรับกรณีนี้ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรคก้าวไกล ได้เข้าชื่อยื่นเรื่องต่อ ชวน หลีกภัย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมองว่าทั้ง 2 กรณีอาจนำไปสู่การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้ ร.อ. ธรรมนัส ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีได้ และเป็นผลมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ รวมทั้งการตรวจสอบในชั้นคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ กมธ.ป.ป.ช.
โดย ร.อ. ธรรมนัส ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ยืนยันว่ามีคุณสมบัติ เพราะคดีที่เคยต้องโทษได้รับการล้างมลทินมาแล้ว 2 ครั้ง ตามพระราชบัญญัติล้างมลทินปี 2539 และ 2550
ขณะที่ประเด็นดังกล่าวนี้ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้ความเห็นในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า กรณีการต้องโทษของ ร.อ. ธรรมนัส ไม่เกี่ยวกับศาลไทย ซึ่งการจะได้รับการล้างมลทินต้องเป็นผู้ที่ถูกลงโทษตามกฎหมายไทยเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความผิดในศาลต่างประเทศ แต่ต้องดูว่าพฤติกรรมนั้นเข้าข่ายเป็นพฤติกรรมเสื่อมเสียหรือไม่ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ส่วนกรณีที่ ร.อ. ธรรมนัส เคยถูกให้ออกจากราชการทหารมาก่อน แม้จะมีผลตาม พ.ร.บ. ล้างมลทินก็จริง แต่ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดลักษณะต้องห้ามผู้ที่เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการเพราะทุจริตในหน้าที่ หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ซึ่งต้องดูว่าการถูกให้ออกครั้งนั้นเข้าข่ายกรณีนี้หรือไม่
ทั้งนี้กรณีให้ออกจากราชการและอ้าง พ.ร.บ. ล้างมลทิน เข้ามาดำรงตำแหน่ง เคยเกิดขึ้นจากกรณี ระวี รุ่งเรือง อดีต ส.ว. ซึ่งเมื่อวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจาก ส.ว. มาแล้ว เนื่องจากถูกให้ออกจากราชการเพราะประพฤติชั่วร้ายแรง ไม่สามารถทำให้ความผิดถูกลบล้างหายไปได้ ตาม พ.ร.บ. ล้างมลทิน จึงยังเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า