วันนี้ (11 พฤษภาคม) สุเทพ อู่อ้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการแรงงาน ออกแถลงการณ์คัดค้านประกาศกระทรวงแรงงาน โดยมีใจความว่า จากประกาศกระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ห้ามมิให้นายจ้างปิดงานหรือลูกจ้างนัดหยุดงานในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ในกรณีที่มีการปิดงานหรือการนัดหยุดงานอยู่ก่อนวันที่มีประกาศนี้ใช้บังคับ ให้นายจ้างซึ่งปิดงานรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน และให้ลูกจ้างที่นัดหยุดงานกลับเข้าทำงานตามปกติ และข้อพิพาทที่ตกลงกันไม่ได้นั้น ให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เป็นคนชี้ขาด
พวกเรา ส.ส. ตัวแทนชนชั้นแรงงานได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า
- ในสถานการณ์ปัจจุบันมีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวนมากโดยไม่ได้ใช้วิธี ‘ปิดงาน’ ตามกติกาที่กฎหมายกำหนด การเลิกจ้างส่วนมากไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ซึ่งต้องจ่ายค่าชดเชยที่ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าแก่ลูกจ้างเป็นเวลา 30 วัน และค่าชดเชยตามอายุงานตั้งแต่ 30-400 วัน หากจะกล่าวแบบภาษาคนทั่วไปก็คือ ‘ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย’
ยังมีนายจ้างที่ได้รับผลกระทบน้อยหรือไม่กระทบเลย ฉวยโอกาส เลิกจ้าง ลดค่าจ้าง ลดสวัสดิการ เปลี่ยนสภาพการทำงาน บังคับลาออก ทำลายสหภาพแรงงาน และฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากโครงการของประกันสังคม โดยแทนที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้าง แต่นายจ้างให้ลูกจ้างไปรับเงินจากประกันสังคมแทน ถือเป็นการเอาเปรียบนายจ้างและลูกจ้างทั้งประเทศที่ส่งเงินประกันสังคมอย่างไม่เป็นธรรม
สิทธิการรวมตัวต่อรองของลูกจ้างจึงทวีความจำเป็นขึ้นอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการละเมิดสิทธิแรงงานอย่างแพร่หลาย การนัดหยุดงานถือเป็นอาวุธสำคัญที่ลูกจ้างใช้ต่อรองกับนายจ้างมาตลอด และในสถานการณ์ปัจจุบันที่แทบไม่มีการปิดงาน มีแต่การเลิกจ้าง ประกาศของกระทรวงแรงงานฉบับนี้จึงเป็นการแก้ไขไม่ตรงจุด ซ้ำร้าย การลดอำนาจของลูกจ้างนั้นอาจทำให้สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานแย่ลงไปอีก
- การห้ามลูกจ้างนัดหยุดงานถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งการที่ไทยขาดสิทธิการรวมตัวต่อรองมาอย่างยาวนานนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี (GSP) จากสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาต้องเสียภาษีนำเข้ามากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิของประชาชนผู้ใช้แรงงานอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ หรือ พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น
- ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มคลี่คลาย จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันลดลงเรื่อยๆ ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพียง 5 คนต่อวัน อีกทั้งรัฐบาลได้ให้กิจการบางส่วนสามารถดำเนินกิจการตามปกติได้แล้ว และกำลังพิจารณาให้กิจการอื่นเช่นกัน (คลายล็อก) เหตุใดจึงประกาศออกมาในช่วงเวลานี้ ไม่ประกาศตั้งแต่ที่รัฐบาลปิดเมืองตั้งแต่แรก
มีตัวอย่างหลายกรณีในต่างประเทศที่มีการรวมตัวต่อรองประท้วงของประชาชนเชิงสร้างสรรค์ สามารถเว้นระยะห่างทางกายภาพได้เหมาะสม และปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาได้ออกมาชุมนุมหน้ากระทรวงการคลังหรือรอของบริจาคตามจุดต่างๆ ถือว่าประชาชนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากความบกพร่องทางนโยบายของรัฐบาล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะจำกัดสิทธิของแรงงานแต่อย่างใด
พวกเรา ส.ส. ตัวแทนชนชั้นแรงงานได้พิจารณาแล้วว่าประกาศฉบับนี้ออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่นายจ้างมากกว่าปกป้องลูกจ้าง โดยเฉพาะผลประโยชน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยตรง เพื่อเป็นการตัดปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาล่าช้า โดยการลดอำนาจต่อรองของลูกจ้างลง
พวกเรา ส.ส. ตัวแทนชนชั้นแรงงานมีข้อเสนอว่า
- รัฐบาลและกระทรวงแรงงานต้องยกเลิกประกาศฉบับนี้ รัฐบาลต้องบังคับใช้มาตรา 75 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานแก่นายจ้างที่ปิดงานทุกราย ให้จ่ายเงิน 75% ของค่าจ้างแรงงาน
- รัฐบาลต้องเยียวยาประชาชนทุกคนแบบถ้วนหน้า แรงงานทั้งผองไม่ว่าจะในระบบหรือนอกระบบประกันสังคมต้องได้รับโดยเท่าเทียมกัน โดยใช้งบประมาณทางการคลังแบบเดียวกับที่นานาอารยประเทศทำ ไม่นำเงินของกองทุนประกันสังคมออกมาใช้สร้างชื่อแก่ตนเอง ซึ่งเงินในส่วนนี้ควรจะเก็บไว้เป็นเงินในอนาคตของลูกจ้าง การเยียวยาแบบถ้วนหน้านี้ยังลดต้นทุนและเวลาการพิสูจน์สิทธิ ยังมีแรงงานที่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากรอการพิสูจน์สิทธิอยู่
- รัฐบาลควรให้สัตยาบันแก่อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิการเจรจาต่อรอง และฉบับที่ 98 ว่าด้วยการรวมตัวและร่วมเจรจาต่อรอง ซึ่งทั้งสองฉบับดังกล่าว พี่น้องผู้ใช้แรงงานได้รณรงค์มาเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์