Iron Man 3 เข้าฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2013 ในฐานะหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีคนตั้งตารอมากที่สุดแห่งปี โดยได้นักแสดงนำเซตเก่ามาร่วมปิดฉากมหากาพย์ไตรภาคนี้ครบชุด ตั้งแต่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รับบท โทนี สตาร์ก/ไอรอนแมน, กวินเน็ธ พัลโทรว์ รับบท เพ็พเพอร์ พ็อตส์, ดอน ชีเดิล รับบท เจมส์ โรดดี้
ไปจนถึงนักแสดงสมทบใหม่ ทั้ง กาย เพียร์ซ, เบน คิงสลีย์ และ รีเบกกา ฮอลล์ ซึ่งมาสวมสามบทบาทสำคัญที่กำหนดชะตาชีวิตของไอรอนแมนในภาคสุดท้ายนี้ พร้อมได้ผู้กำกับคนใหม่อย่าง เชน แบล็ก ซึ่งมารับไม้ต่อจาก จอน ฟาฟวโร ที่ถอนตัวจากตำแหน่งผู้กำกับไป (แต่ยังกลับมารับบท แฮปปี้ โฮแกน ผู้ช่วยของโทนี สตาร์กตามเดิม)
ภาคนี้โฟกัสไปที่สภาพจิตใจของ โทนี หลังเพิ่งเฉียดตายมาจากสมรภูมินิวยอร์กใน The Avengers (2012) ศึกครั้งนั้นทำให้เขามีอาการ PTSD หวาดวิตก และหมกมุ่นอยู่กับการคิดค้นหุ่นเหล็กรุ่นใหม่เพื่อปกป้องโลกจากภัยอันตรายในอนาคต ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดรุนแรงในลอสแอนเจลิส ซึ่งทำให้แฮบปี้ บอดี้การ์ดและเพื่อนสนิทของโทนีได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้ก่อการร้ายปริศนานามแมนดารินได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ด้วยความโกรธแค้น โทนีได้ท้าทายแมนดาริน ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำจะจู่โจมบ้านพักของเขา จนหุ่นเหล็กทุกตัวถูกทำลาย เหลือเพียงเกราะต้นแบบที่โทนีใส่หนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด ด้วยสภาวะจนตรอก โทนีต้องเร่งใช้สติปัญญาและอุปกรณ์เท่าที่หาได้ซ่อมหุ่นตัวนี้ เพื่อกลับไปต่อกรกับแมนดารินก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
Iron Man 3 ได้รับคำชมอย่างมากว่าเป็นภาคปิดเรื่องราวเดี่ยวของไอรอนแมนที่ยิ่งใหญ่สมคำรอคอย ทั้งการแสดง แอ็กชันซีแควนซ์ ดนตรีประกอบ และอารมณ์ขัน พร้อมกับพิสูจน์ความนิยม ด้วยการกวาดรายได้ไปกว่า 1.215 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้าง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนทำให้เป็นหนังที่ทำเงินสูงที่สุดประจำปี 2013
และยังส่งผลให้ โทนี สตาร์ก และไอรอนแมน ยังคงเป็นตัวละครสำคัญในจักรวาล Marvel มาตลอด จนถึงศึกตัดสินกับธานอส ที่ทำให้คำว่า ‘รักนะ 3000’ กลายเป็นตำนานที่อยู่ในใจของคนดูทุกคน