×

อนุทินพูดเสียงสั่นเครือ ขอประชาชนมั่นใจรัฐบาล-แพทย์จัดการปัญหาโควิด-19 ยันน้ำยาตรวจไม่ขาดแคลน เตรียมนำเข้าเพิ่มสัปดาห์หน้า

โดย THE STANDARD TEAM
21.03.2020
  • LOADING...

วันนี้ (21 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมหารือการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด-19 กับคณะผู้เชี่ยวชาญ ทีมที่ปรึกษา ทีมคณบดี และคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยต่างๆ 

 

โดยภายหลังหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง อนุทินได้ย้ำว่า การประชุมร่วมกันครั้งนี้เป็นเพียงการสรุปมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขเคยนำออกมาบังคับใช้แล้วก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยกันหาแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่คาดว่า อาจจะรุนแรงมากขึ้น หากไม่มีการควบคุมให้ดี

 

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นแกนกลางประสานทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดกว่าร้อยละ 80 ดังนั้น การดูแลรักษา ป้องกัน จึงต้องเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นลำดับแรก ด้วยการปิดกรุงเทพฯ ให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเดินทางออกไปแพร่เชื้อสู่พื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งหากสามารถควบคุมได้ ก็จะส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วประเทศดีขึ้นตามลำดับ 

 

ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชาชนในช่วงที่เชื้อแพร่ระบาดหนัก โดยคนไทยจะต้องรู้จัก Social Distance หรือการเว้นระยะห่างให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนได้รับเชื้อ 

 

ส่วนการควบคุมและรักษาผู้ป่วยในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเล็กๆ ที่การแพทย์ยังไม่เข้าถึงนั้น ย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานครอบคลุมกันหมดทั้งประเทศ และใช้มาตรฐานเดียวกันในการคัดกรองและรักษาผู้ป่วย โดยมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์การแพทย์คอยช่วยคัดกรองผู้ป่วยในพื้นที่ต่างจังหวัด จึงขอให้มั่นใจว่า การดูแลประชาชนไม่ได้ทำอยู่แค่เฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น

 

ทั้งนี้ อนุทินกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ในขณะที่กล่าวขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข

 

ส่วนข้อเสนอที่ให้รัฐบาลประกาศปิดประเทศนั้น อนุทินกล่าวว่า มาตรการที่รัฐบาลใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ตัดสินใจสั่งปิดสถานที่เสี่ยง ก็ถือเป็นมาตรการที่เข้มงวดที่สุดแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรับผิดชอบของตัวเราเอง

 

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ 22 มีนาคม 2563 จะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ซึ่งอนุทินย้ำว่า เป็นเพียงการเชิญเอกชนมาทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือให้อนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19

 

ขณะเดียวกัน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานคณะกรรมการควบคุมโรค ยอมรับว่า ในระยะ 3-4 วันหลังจากนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนา 2019 ในประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่มั่นใจว่า การรักษาและระงับผู้ติดเชื้อจะสามารถควบคุมได้ โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือ การไม่ออกไปแพร่เชื้อให้กระจายสู่ผู้อื่น และเชื่อว่า มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขทำอยู่ในขณะนี้นั้นเป็นการเดินมาถูกทางแล้ว 

 

ส่วนกรณีน้ำยาตรวจโควิด-19 ที่มีกระแสข่าวขาดแคลนนั้น นพ.ปิยะสกล ยืนยันว่า เป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนเล็กน้อย เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบเครื่องเปลี่ยนน้ำยา ซึ่งหลังจากนี้จะไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นอีก พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่ยังไม่มีอาการเข้าข่าย งดไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล

 

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า น้ำยาตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการของเครือข่าย 40 แห่ง มีเพียงพอ ส่วนกระแสข่าวน้ำยาขาดแคลนนั้นเป็นเพียงน้ำยาบางตัวที่ใช้เป็นสารสกัดเชื้อบางตัวขาดแคลนเท่านั้น จึงอาจทำให้น้ำยาขาดช่วงไปเพียง 1-2 วัน ซึ่งในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ ก็จะมีน้ำยาตรวจอีกหลายตัวเข้ามาในประเทศ เนื่องจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมมือกับ อย. นำเข้าน้ำยาตรวจเชื้อจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา และยุโรปอีกหลายประเทศ เพื่อมาทดสอบประสิทธิภาพ ซึ่งหลายบริษัทน้ำยาผ่านมาตรฐาน จึงเตรียมจะนำเข้ามาเพิ่มเติม

 

นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่มจำนวนห้องปฏิบัติการจาก 40 แห่ง เป็น 100 แห่ง เพื่อให้สามารถตรวจหาเชื้อได้ทั่วถึง โดยจะให้ความสำคัญกับจังหวัดที่มีสถิติคนติดเชื้อมากเป็นหลัก เช่น เชียงใหม่ หรือชลบุรี รวมถึงจะปรับห้องปฏิบัติการการตรวจตามลำดับความสำคัญและความเสี่ยงด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการตรวจหาโควิด-19 ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโรงพยาบาลรัฐ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี หรือโรงพยาบาลราชวิถี ยังสามารถตรวจหาเชื้อได้ตามปกติ ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลรามาธิบดีสามารถตรวจได้วันละ 1,000 เทส 

 

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจได้วันละ 5,000 เทส จึงขอความร่วมมือผู้ที่ไม่มีความจำเป็นหรือไม่เข้าข่ายอาการสงสัย ให้หลีกเลี่ยงการไปขอตรวจหาเชื้อ เพื่อป้องกันน้ำยาที่จะนำไปใช้กับผู้ที่มีความจำเป็นสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X