×

ลิเวอร์พูลกับการส่งชุดเด็กเล่น FA Cup ทำถูกแล้วหรือผิดมหันต์?

28.01.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS. READ
  • เจอร์เกน คล็อปป์ ประกาศจะไม่คุมทีมลิเวอร์พูลลงสนามในเกม FA Cup นัดรีเพลย์กับชรูวส์บิวรีทาวน์ โดยจะให้โค้ชทีมเยาวชนคุมทัพผู้เล่นชุดอายุต่ำกว่า 23 ปีทำหน้าที่แทน
  • ปีนี้เป็นปีแรกที่พรีเมียร์ลีกจะมีการพักเบรกฤดูหนาว แต่หากต้องลงเล่นนัดรีเพลย์ FA Cup การพักเบรกฤดูหนาวจะหดสั้นลง
  • เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังลิเวอร์พูล มองว่า การตัดสินใจพักผู้เล่นชุดใหญ่ในเกมนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่สิ่งที่ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันทำไม่ได้คือการที่เขาจะละทิ้งหน้าที่แล้วให้โค้ชทีมเยาวชนทำหน้าที่แทน

กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นมาในวงการฟุตบอลอังกฤษ เมื่อ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ประกาศยืนยันว่า ในเกม FA Cup รอบที่ 4 นัดรีเพลย์ที่จะต้องลงสนามปะทะชรูวส์บิวรีทาวน์ สโมสรจากลีกวันอีกครั้งที่แอนฟิลด์นั้น จะไม่มีผู้เล่นทีมชุดใหญ่แม้แต่คนเดียว รวมถึงตัวของเขาเองอยู่ในสนามวันนั้นด้วย

 

โดยหลังจากที่ลิเวอร์พูลพลาดท่าเสียทีปล่อยให้ชรูวส์บิวรีไล่ตามตีเสมอได้เป็น 2-2 ทั้งๆ ที่ออกนำไปก่อน 2-0 ในเกม FA Cup เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องกลับไปล้างตาใหม่ที่บ้านของตัวเอง ทางด้านผู้จัดการทีมชาวเยอรมันได้บอกต่อทุกคนว่า เพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่พรีเมียร์ลีกต้องการ ในการให้ผู้เล่นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงการพักเบรกฤดูหนาวที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนหน้า จึงจะปล่อยผู้เล่นให้ไปพักผ่อนตามกำหนดการเดิม และจะให้นักเตะในทีมชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี รวมถึง นีล คริตช์ลีย์ โค้ชทีมชุดดังกล่าวคุมทีมลงสนามแทนตัวเขาเหมือนในเกมลีกคัพเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งจบลงด้วยการพ่ายแพ้ย่อยยับ โดน แอสตัน วิลลา ถลุงไป 5-0

“ผมได้บอกกับลูกทีมไปแล้วตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนว่าเราจะมีการพักเบรกฤดูหนาว และนั่นหมายถึงว่าเราจะไม่อยู่ที่นี่

 

“คุณไม่สามารถที่จะรับมือกับเราได้เหมือนคนที่ไม่แคร์อะไรเลย ผมรู้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ป๊อปปูลาร์ แต่ผมก็มองของผมแบบนี้ เมื่อพรีเมียร์ลีกขอให้เราเคารพในช่วงของการพักเบรกฤดูหนาว และนั่นคือสิ่งที่เราทำ ถ้า FA (สมาคมฟุตบอล) ไม่เคารพเรื่องนี้ เราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เราจะไม่อยู่ที่นี่แน่”

เรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นการถกเถียงอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอลอังกฤษว่า สิ่งที่ลิเวอร์พูลและการตัดสินใจของคล็อปป์เป็นเรื่องที่ถูก ทำได้ หรือเป็นเรื่องที่ผิดและเป็นการมองข้ามต่อรายการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และสำคัญที่สุดคือไม่ให้เกียรติแก่ผู้เล่นทีมคู่แข่งหรือไม่

 

 

พักเบรกฤดูหนาว (Winter Break) คืออะไร

แต่ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่น ต้องทำความเข้าใจกับการพักเบรกฤดูหนาวของพรีเมียร์ลีกก่อน

หลังความพยายามผลักดันมานาน ในที่สุดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็จะมีช่วงของการพักเบรกในฤดูหนาวเหมือนลีกอื่นๆ แล้ว เพียงแต่ไม่เหมือนลีกอื่นๆ ที่จะพักการแข่งขันในช่วงปลายปีข้ามไปจนถึงช่วงเข้าปีใหม่ (ขณะที่ บุนเดสลีกา เยอรมนี จะพักการเล่นนานถึง 1 เดือน ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมกราคม) 

พักเบรกฤดูหนาวของพรีเมียร์ลีกไม่ได้มีขึ้นในช่วงดังกล่าว แต่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อโปรแกรมการแข่งขันและขนบธรรมเนียมปฏิบัติของฟุตบอลอังกฤษที่จะต้องมีการลงสนามในเกม Boxing Day และช่วงโปรแกรมเทศกาลที่จะลงเล่นกันต่อเนื่องและหนักหน่วง และในการพักก็จะไม่ได้พักพร้อมกันหมด

โดยจะแบ่งการพักออกเป็น 2 ช่วง เริ่มจากสุดสัปดาห์ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่จะเหลือโปรแกรมการแข่งขัน 4 นัดด้วยกัน (เท่ากับมี 12 ทีมที่ได้พัก) และจากนั้นในสัปดาห์ต่อไปจะมีโปรแกรมการแข่งขัน 6 นัด (มีอีก 8 ทีมที่ได้พัก) โดยโปรแกรมแข่งขันแต่ละนัดก็ยังจะแบ่งเวลาให้แตกต่างกันเพื่อการถ่ายทอดสดด้วย

อาจจะดูวุ่นๆ ยุ่งๆ และแปลกๆ อยู่บ้างกับการพักเบรกแบบนี้ แต่รวมๆ แล้วทุกทีมจะได้พักการเล่นเป็นระยะเวลา 13-16 วันด้วยกัน

 

 

ใครที่ได้รับผลกระทบจากโปรแกรม FA Cup นัดรีเพลย์บ้าง

จากโปรแกรมการแข่งขัน FA Cup นัดรีเพลย์ ทีมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเซาแธมป์ตัน ซึ่งจะต้องลงสนามพบกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ โดยจะถูกหดระยะเวลาในการเบรกฤดูหนาวเหลือเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าทีม ‘ไก่เดือยทอง’ ของ โชเซ มูรินโญ ก็ถูกหดระยะเวลาเบรกเหลือแค่ 11 วัน

อย่างไรก็ดี ทางด้าน ราล์ฟ ฮาเซนฮัทเทิล ผู้จัดการทีมเซาแธมป์ตัน ซึ่งเคยคุมสโมสรในบุนเดสลีกา ที่มีการพักเบรกฤดูหนาวชัดเจน ยืนยันว่า จะส่งทีมชุดใหญ่ลงสนามปกติ

“เพราะกฎมันไม่ได้ออกแบบมาดีที่สุด เราเลยยังมีเกมอีกนัดในช่วงเบรกของฤดูกาล ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่โอเคเราต้องลงสนาม สำหรับเรามันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่เราจำเป็นต้องยอมรับมัน”

 

นอกจากเซาแธมป์ตันและสเปอร์ส รวมถึงลิเวอร์พูลแล้ว อีกทีมที่ได้รับผลกระทบด้วยคือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่จะต้องลงสนามพบออกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียง 3 วันหลังจากเกมกับนอริชซิตี้ และทำให้พวกเขาเหลือการพักเบรกแค่ 12 วันก่อนไปเยือนอาร์เซนอล

 

สตีฟ บรู๊ซ ผู้จัดการทีมสาลิกาดงกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่ประหลาด เราคิดว่าเราจะได้พัก แต่แล้วพวกเขาก็จับเกมรีเพลย์ยัดมาใส่ในนี้เพื่ออะไร”

 

 

ลิเวอร์พูลและคล็อปป์ทำถูกแล้ว?

ถ้ายึดตามจดหมายจากพรีเมียร์ลีกที่แจ้งต่อทุกสโมสรตั้งแต่เดือนมีนาคมปีกลาย ก็ถือว่าสิ่งที่คล็อปป์สั่งให้ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลไปพักนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้

แต่ไม่ได้แปลว่าถูกทั้งหมด

เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินรายการทางสถานี Sky Sports มองว่า การตัดสินใจพักผู้เล่นชุดใหญ่ในเกมนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่สิ่งที่ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันทำไม่ได้คือการที่เขาจะละทิ้งหน้าที่แล้วให้โค้ชทีมเยาวชนทำหน้าที่แทน

“การที่ผู้เล่นชุดใหญ่ได้พักเบรกฤดูหนาวนั้นถูกแล้ว เราไม่สามารถจะบอกว่าให้พัก แต่เสร็จแล้วต้องมีเล่นรีเพลย์ในช่วงพักเบรก เรื่องนี้ทุกทีมในพรีเมียร์ลีกเหมือนกันหมด

 

“แต่คล็อปป์ควรจะคุมทีมลงสนาม นักเตะเยาวชนของเขาจะดีใจแน่แบบนั้น แต่มันจะกลายเป็นว่ามีภาพของเขาในอิบิซา พร้อมกับอีโมจิรูปเบียร์ที่จะปรากฏบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแทน!”

 

ขณะที่ เจมส์ เพียร์ซ ผู้สื่อข่าว The Athletic ชี้ว่า การให้ผู้เล่นชุดใหญ่ลงเล่นเกมรีเพลย์ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายทั้งหมด เพราะมีผู้เล่นชุดใหญ่อีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการจำนวนเกมในการลงสนาม ไม่ว่าจะเพื่อเรียกสภาพความฟิต หรือฟื้นฟูจังหวะการเล่นที่หายไป

ในเกมที่ลิเวอร์พูลพลาดโดนชรูวส์บิวรีทาวน์ตีเสมอได้นั้น นักเตะชุดใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บไปนานอย่าง โฌแอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน หรือแม้แต่ ฟาบินโญ เองต่างสูญเสียจังหวะการเล่นของตัวเองทั้งหมด ขณะที่ยังมี นาบี เกอิตา, เจมส์ มิลเนอร์ และเซอร์ดาน ชากิรี ที่ต้องการเรียกความฟิตกลับมาด้วยเช่นกัน

ไม่นับ ทาคุมิ มินามิโนะ สตาร์รายใหม่ที่ยังปรับจังหวะการเล่นกับทีมใหม่ไม่ได้ ซึ่งการได้เล่นในแอนฟิลด์ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองจะมีส่วนช่วยอย่างมาก

ขณะที่ประเด็นละเอียดอ่อนที่มีการพูดถึงคือเรื่องของการไม่ให้เกียรติต่อรายการแข่งขันอย่าง FA Cup ที่เป็นรายการแพ้คัดออกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และไม่ให้เกียรติต่อคู่แข่งอย่างชรูวส์บิวรี ที่การได้ไปเยือนแอนฟิลด์เป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงของพวกเขาไม่ว่าจะนักเตะหรือแฟนบอล แต่กลับต้องผิดหวังเพราะจะได้เล่นกับทีมชุดเยาวชนและโค้ชเยาวชนแทน

 

 

ทางออกที่สวยงาม

จากกรณีนี้หากย้อนกลับไปจะพบว่า คล็อปป์ได้เคยกล่าวถึงเรื่องของการพักเบรกฤดูหนาวในพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอด โดยเหตุผลหลักคือเรื่องของสุขภาพ สภาพร่างกายและจิตใจของผู้เล่นที่ต้องกรำศึกหนักจนเกินไปมาก และเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีการพูดถึงมาโดยตลอดว่าส่งผลถึงสภาพร่างกายของผู้เล่นทีมชาติอังกฤษที่มักจะบาดเจ็บก่อนถึงรายการสำคัญเสมอ

ในเวลานี้ก็มีกรณีตัวอย่างเช่น แฮร์รี เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และเจมี วาร์ดี สามกองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษที่บาดเจ็บทั้งหมด โดยเฉพาะสองรายแรกที่ต้องพักการเล่นนานหลายเดือน

 

นอกจากเรื่องของการพักเบรกแล้ว คล็อปป์ยังเคยเสนอไอเดียอีก เช่น การยกเลิกการเล่นเกมนัดรีเพลย์ใน FA Cup เพราะโปรแกรมการแข่งขันของทีมพรีเมียร์ลีกนั้นแน่นเปรี๊ยะแล้ว และก็มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เกมลีกคัพที่พวกเขาต้องพบแอสตัน วิลลาแค่ 1 วันก่อนการแข่งขันศึกชิงแชมป์สโมสรโลกจะเริ่มขึ้น

เพียงแต่เรื่องนี้คนในวงการฟุตบอลอังกฤษไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะในรายการฟุตบอลถ้วย โดยเฉพาะใน FA Cup โอกาสในการได้เล่นรีเพลย์ โดยเฉพาะการได้เจอกับทีมใหญ่จากพรีเมียร์ลีก หมายถึงเงินรายได้ของสโมสรที่จะช่วยจุนเจือได้มาก ไม่รวมถึงเรื่องของวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลที่สืบทอดยาวนานมากว่าร้อยปีด้วย

แต่ยังมีอีกไอเดียที่คล็อปป์เคยเสนอคือ ในรอบแรกๆ ของการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ให้สโมสรจากพรีเมียร์ลีกเป็นทีมเยือนอย่างเดียวไปเลย เพื่อให้สโมสรที่เล็กกว่าได้มีโอกาสต้อนรับทีมใหญ่ แต่ก็ไม่ได้รับการพูดถึงหรือตอบสนองนัก

อย่างไรก็ดี ปัญหาที่แท้จริงของเรื่องนี้คือ การจัดโปรแกรมการแข่งขันที่ไม่ลงตัวของ 3 องค์กรคือ พรีเมียร์ลีก, FA Cup และฟุตบอลลีก (ลีกคัพ) ซึ่งคล็อปป์เคยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมานั่งคุยกัน โดยที่ตัวเขาเองพร้อมจะเข้าร่วมพูดคุยด้วยเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน แต่การพูดคุยนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น สุดท้ายเขาก็เจอกับตัวทั้งในลีกคัพ และล่าสุดกับ FA Cup 

นั่นจึงเป็นที่มาของท่าทีที่แข็งกร้าวและเหมือนดูไม่ค่อยมีเหตุผลของผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน จนชวนให้คิดว่านี่คล็อปป์จริงๆ ใช่ไหม

เรื่องนี้คนในวงการฟุตบอลอังกฤษคงต้องคุยกันใหม่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ได้เป็นเรื่องดีต่อใครเลยไม่ว่าจะกับสโมสร องค์กร หรือชื่อเสียงของรายการ

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X