เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.) ชายคนหนึ่งใช้มีดฆาตกรรมหญิงสาว 2 รายบริเวณสถานีรถไฟแซงต์ ชาร์ลส์ ของเมืองมาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส ก่อนเจ้าหน้าที่ทหารยิงดับทันควัน
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เผยความรู้สึกผ่านทวิตเตอร์ว่าตนเองขยะแขยงต่อ ‘การกระทำอันป่าเถื่อน’ นี้ พร้อมยกย่องเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ
พยานในเหตุการณ์เล่าว่า ชายในวัยราว 30 ปีชักมีดออกจากใต้แขนเสื้อและตะโกน “อัลลอฮุ อักบัร” อันเป็นคำสรรเสริญพระเจ้าตามศาสนาอิสลาม ทางด้านผู้เสียชีวิตเป็นหญิงวัยรุ่นอายุ 17 ปี และ 20 ปี โดยมีรายงานระบุว่าเหยื่อรายหนึ่งถูกฆ่าปาดคอ อีกรายถูกแทงเข้าบริเวณท้อง
เจราด์ โคลลอมบ์ (Gérard Collomb) รัฐมนตรีกิจการภายในฝรั่งเศสเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจบชีวิตเหยื่อรายแรก ผู้ก่อเหตุมีทีท่าจะหลบหนี แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง
แหล่งข่าวตำรวจสองนายชี้ว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายชาวแอฟริกาเหนือ มีประวัติอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ บนฐานข้อมูล และจากการตรวจสอบลายนิ้วมือยังพบการใช้นามแฝงหลายชื่อด้วย
การสืบสวนดำเนินไปในฐานะการก่อการร้าย โดยมีการส่งมอบคดีให้อัยการพิเศษประจำกรุงปารีส ซึ่งอยู่ระหว่างการเสาะหาความเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องสงสัยกับองค์กรก่อการร้าย
ขณะที่สื่อกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ISIS) อย่างอามัก แถลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยอ้างว่าผู้ก่อเหตุเป็น ‘ทหารของรัฐอิสลาม’ แต่ไม่มีการเปิดเผยชื่อหรือหลักฐานยืนยันอย่างใด
นับแต่ปี 2015 มีผู้เสียชีวิตในฝรั่งเศสจากเหตุลงมือของนักรบสุดโต่งโดยไม่รวมเหตุการณ์ล่าสุด 239 ราย และแดนน้ำหอมได้ยกระดับการระวังภัยสูงขึ้นด้วยปฏิบัติการเซนติเนล ที่ประกาศใช้หลังเหตุกราดยิงหนังสือพิมพ์ชาร์ลี เอ็บโด โดยเจ้าหน้าที่ 7,000 นายได้เข้าประจำการตามศูนย์กลางคมนาคม แหล่งท่องเที่ยว และโบสถ์ทั่วประเทศ
มาครงให้คำมั่นที่จะยุติกฎอัยการศึกที่ ฟรองซัวส์ ออลลองด์ (Francois Hollande) ประธานาธิบดีคนก่อนประกาศไว้ตั้งแต่ปลายปี 2015 โดยมาครงจะใช้กฎหมายใหม่ที่ทำให้อำนาจตามบทบัญญัติกฎอัยการศึกบางส่วนมีผลถาวร ซึ่งจะมีการลงคะแนนร่างฉบับแรกในวันอังคารที่จะถึงนี้ (3 ต.ค.)
Photo: AFP
อ้างอิง: