ภาพสวย ฉากอลังการ เนื้อเรื่องซับซ้อน ย้อนประวัติศาสตร์ ผสานวิทยาการสมัยใหม่ และนักฆ่าผู้เร้นกายในเงามืด ฯลฯ คือคุณสมบัติพื้นฐานที่ทำให้เกมเมอร์หลายคนถอนตัวจากโลกของเกม Assassin’s Creed ไม่ได้
เค้าโครงเกม Assassin’s Creed ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง Alamut (1938) ของนักเขียนชาวสวีเดน วลาดิเมีย บาร์ตอล และพัฒนาโดยบริษัท Ubisoft เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2007 บนเครื่องเล่น PlayStation 3 และ Xbox 360 ก่อนที่จะขยายลงแพลตฟอร์มอื่นในปีต่อมา
เนื้อเรื่องใน Assassin’s Creed ย้อนไปในช่วงสงครามครูเสดครั้งที่ 3 ใน ค.ศ. 1191 พูดถึงความขัดแย้งระหว่างอัศวินเทมพลาร์และเหล่ามือสังหาร หรือ Assassin เล่าเรื่องผ่านตัวละครเอก เดสมอนด์ ไมล์ส ชายจากยุคสมัยใหม่ที่ถูกตามล่า และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปอยู่ในความทรงจำของบรรพบุรุษที่เป็นมือสังหารในอดีต เพื่อสานต่อภารกิจตามหา ‘ชิ้นส่วนแห่งเอเดน’ วัตถุโบราณที่มีพลังควบคุมจิตใจ
Assassin’s Creed โดดเด่นอย่างมากด้วยเกมเพลย์ที่ให้ผู้เล่นเน้นจัดการศัตรูด้วยการลอบเร้น (Stealth) จัดการหรือขโมยข้อมูลจากฝั่งศัตรูอย่างเงียบเชียบที่สุด (ถึงแม้ความสนุกจะเป็นตอนวิ่งหนีและตะลุมบอนเหมือนเดิมก็เถอะ) ซึ่งผิดกับเกมแอ็กชันในช่วงเวลานั้นที่เน้นการต่อสู้ ไล่ล่ากันแบบเต็มอัตรา
รวมทั้งงานวิชวลที่สวยงาม สมจริง และสตอรีที่เป็นส่วนผสมอันกลมกล่อมระหว่างแอ็กชัน ไซ-ไฟ กับประวัติศาสตร์ สามารถทำยอดขายไปได้มากกว่า 140 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก และถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่ได้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ มาเป็นนักแสดงนำและออกฉายในปี 2016
นอกจากนี้ในเหตุการณ์ไฟไหม้มหาวิหารน็อทร์-ดามที่กรุงปารีส ทางบริษัท Ubisoft ได้ออกแคมเปญเปิดให้คนเข้าไปเล่นเกม Assassin’s Creed Unity เวอร์ชันคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คนเข้าไปเยี่ยมชมและรำลึกถึงสถานที่สำคัญระดับโลก ที่ตัวเกมจำลองขึ้นมาอย่างสมจริงได้ฟรีเป็นเวลา 1 สัปดาห์