พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมปาฐกถาและตอบคำถาม เรื่อง การพัฒนาและปัญหาการท่องเที่ยว ในงาน บางกอกโพสต์ ฟอรัม 2019 ในหัวข้อ ‘ทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่’ พร้อมเปิดเผยแผนงาน 3 เดือนจากนี้ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้อยู่ด้วยตัวเอง แต่ต้องอาศัยในหลายกระทรวง เพื่ออาศัยความร่วมมือในการเดินหน้าเพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทยอย่างเป็นระบบ
โดยตอนนี้กระทรวงการท่องเที่ยวพยายามที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้เสร็จสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีอิสระในการเลือกท่องเที่ยวมากกว่าระบบทัวร์ที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มที่รักการท่องเที่ยวแบบอิสระมีกำลังในการใช้จ่ายที่สูงกว่ามาก
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวต่อไปว่า ตอนนี้นโยบายหลักของกระทรวงคือ การท่องเที่ยวและการกีฬาต้องวิ่งเข้าหากัน เพราะในอดีตที่ผ่านมา ทั้งการท่องเที่ยวและกีฬาไม่เคยรวบกันอย่างเป็นรูปธรรมมาก่อน แต่วันนี้ทั้งสองอย่างต้องเดินหน้าไปด้วยกัน เช่น การจัดการแข่งขันมอเตอร์จีพีที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีนักแข่งระดับโลกมารวมตัวกัน ซึ่งไม่ได้แปลว่าบุคคลเหล่านั้น ทีมงาน และกองเชียร์ที่เดินทางจากต่างประเทศ ที่การแข่งขันจบแล้วจะเดินทางกลับทันที แต่ยังหมายความว่า พวกเขายังอยู่ต่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง หรือแม้แต่การท่องเที่ยวแบบเมดิคอล ที่อยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลของเอกชน ซึ่งไม่ใช่ผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงครอบครัวของผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร อีกด้วย
ซึ่งนอกจากการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างมอเตอร์จีพีแล้ว ยังมีความคิดอยากจะจัดการแข่งกีฬาอย่างการวิ่งเทรล หรือแม้แต่การจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ซึ่งทุกอย่างอาจจะไม่สามารถดำเนินการให้สมบูรณ์ได้ภายในปีนี้ แต่มีความพยายามที่จะทำให้ได้ภายในปี 2563 ด้วยการดึงนักกีฬาระดับโลกเข้ามาแข่งขันในเมืองไทย โดยประเด็นนี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นของการท่องเที่ยวเมืองหลักเป็นอีกสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้มีความแออัดสูง จึงมีนโยบายจัดการท่องเที่ยวแบบริเวียรา คือการจัดการท่องเที่ยวจากหัวหินลงไปจนถึงนราธิวาส เพราะประเทศไทยเรามีชายหาดที่ติดต่อกันหลายกิโลเมตร ซึ่งเป็นการกระจายรายได้สู่พื้นที่ต่างๆ ทุกจังหวัด ในการท่องเที่ยวภาคใต้ ส่วนการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซันของจังหวัดเชียงใหม่ จะต้องมีการกระจายสู่จังหวัดรอบข้าง เช่น จังหวัดลำปาง ลำพูน และพะเยา ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ
“อีกสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ เรื่องการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีการร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยวดูแลความปลอดภัยในชุมชนต่างๆ พร้อมตั้งเป้าลดการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ได้อีก 50% ซึ่งกระทรวงได้ตั้งไว้เป็นเป้าหมายหลัก”
สุดท้ายคือ ปัญหาที่นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความยุติธรรมในการจับจ่ายใช้สอย เพราะมีการโกงราคาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้เราต้องขอความร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยวดูแลและจัดการในส่วนนี้ และเป็นสิ่งที่กระทรวงของเรากำลังมาคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไรให้เรตค่าท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยอยู่ในราคาเดียวกัน
ภาพ: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
