Apple รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2019 โดยมีรายได้ 5.38 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากบริการพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น 1% แตะระดับ 5.38 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถึงแม้ยอดขาย iPhone จะหดตัวลงก็ตาม
สัปดาห์นี้ถึงคิวของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple ที่ประกาศผลประกอบการรายไตรมาส หลัง Amazon, Facebook และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้ทยอยรายงานไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางการจับตาของตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยชี้วัดภาคการบริโภคและตัวชี้นำทิศทางตลาดหุ้นในระยะนี้ ซึ่งผลประกอบการโดยรวมถือว่าดีกว่าที่ Wall Street Journal คาดการณ์ ส่งผลให้ราคาหุ้น Apple พุ่งขึ้น 3.5% แตะ 216.10 เหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของ Apple ร่วงลง 13% สู่ระดับ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดผลกำไรลงมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลงในจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของ Apple กระนั้นยอดขายในต่างประเทศก็ยังมีสัดส่วนถึง 59% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 3 ของ Apple
ขณะที่ยอดขาย iPhone ลดลง 741 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012 ที่ยอดขาย iPhone มีสัดส่วนไม่ถึงครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดของบริษัท โดยตลาดจีน ยอดขาย iPhone ร่วงลง 4% เหลือ 9.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ราคา iPhone แพงขึ้นสำหรับลูกค้าในจีน
อย่างไรก็ดี ยอดขายผลิตภัณฑ์หมวดอื่นๆ อย่าง Wearables, Home และ Accessories เช่น Apple Watch และ AirPods รวมทั้งบริการซอฟต์แวร์และเพลงอย่าง App Store, Apple Pay, Apple TV และ Apple Music เป็นตัวสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับ Apple อย่างมากในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ดังนั้นจึงสามารถชดเชยยอดขาย iPhone ที่หดตัวลงได้
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีงบการเงินนี้ Apple คาดการณ์ว่าจะทำรายได้ราว 6.1-6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: