เชื่อว่าคนที่เคยผ่านช่วงชีวิตสมัยเรียนโดยมีลูกฟุตบอลคลอเคลียแทบเท้าพร้อมกับก๊วนเพื่อนที่ใช้เวลาช่วงพักกลางวันบนสนามฟุตบอลมากกว่าโรงอาหาร สนุกสนานเหงื่อท่วมคราบเกลือเกาะเต็มชุดพละจนเพื่อนผู้หญิงไม่กล้าเข้าใกล้ น่าจะต้องมีชื่อของ ‘ซึบาสะ’ เด็กหนุ่มผู้มีลูกฟุตบอลเป็นเพื่อนฝังอยู่ในความทรงจำอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ในปี 1981 นิตยสาร Shonen Jump ได้ตีพิมพ์มังงะเรื่องใหม่ของ โยอิจิ ทาคาฮาชิ ว่าด้วยเรื่องของเจ้าหนูโอโซระ ซึบาสะ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสนามหญ้ามากกว่าบ้านหรือห้องเรียน และมีความฝันคือเติบโตเป็นนักฟุตบอลอันดับ 1 และพาประเทศญี่ปุ่นเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกให้ได้
ถึงแม้จะเป็นการ์ตูนฟุตบอลของนักเรียนธรรมดา แต่ทาคาฮาชิก็สร้างให้ซึบาสะและผองเพื่อนโดดเด่นท่ามกลางตัวละครที่เต็มไปด้วยพลังพิเศษจากมังงะเรื่องอื่นๆ ด้วย ‘จินตนาการ’ ที่บางอย่างก็ใกล้เคียงกับความเพ้อฝัน บางเรื่องก็ยืนอยู่คนละฝั่งกับความเป็นจริง แต่ก็เพราะความเวอร์วังของพลังกายพลังใจที่ไม่มีขีดจำกัด ที่ทำให้ชีวิตช่วงหนึ่งในโรงเรียนของเรามีแค่แอบอ่านการ์ตูนใต้เก๊ะ และรีบวิ่งลงไปที่สนามฟุตบอลทันทีที่เสียงกริ่งเลิกเรียนดัง
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของซึบาสะที่ได้ลูกฟุตบอลช่วยชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนในวัย 3 ขวบ, ฝึกเลี้ยงลูกบอลทุกที่ทุกเวลาจนเลี้ยงบอลได้เร็วกว่านักวิ่ง, เตะลูกบอลข้ามภูเขา ลอดใต้ท้องรถเมล์, การเลี้ยงบอลที่ไม่มีวันโดนแย่ง ฯลฯ
รวมทั้งคู่แข่งและผองเพื่อนคาแรกเตอร์จัดอย่าง มิซากิ ทาโร่ จิตรกรลูกหนังที่ใช้ลูกบอลเป็นพู่กัน และมีสนามหญ้าเป็นผืนผ้าใบ, วากาบายาชิ เก็นโซ โกลที่ไม่ยอมเสียประตูจากลูกยิงนอกกรอบเขตโทษ, จอมเซ่อซ่าที่ชอบใช้หน้ารับลูกบอล อิชิซากิ เรียว, เฮียวงะ โคจิโร่ จอมพลังที่ฝึกฝนจนเตะลูกบอลผ่าคลื่นได้, อัจฉริยะที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ มิสึกิ จุน, ท่าต่อตัวที่อยู่เหนือทุกกฎเกณฑ์โลกฟุตบอลของฝาแฝดทาจิบานะ ฯลฯ
และบรรดาท่าไม้ตายสุดเท่และพิสดารที่ถ้าใครเคยตีลังกาบนเตียงเพื่อฝึกท่าโอเวอร์เฮดคิกกับจักรยานอากาศ, พยายามหลบคู่ต่อสู้ด้วยการกระโดดยกบอลหนี, ชวนเพื่อนมาเตะลูกบอลพร้อมกันตามท่าทวินชู้ต และฝึกยิงท่าไดรฟ์ชู้ตหรือลูกยิงใบไม้ร่วงสุดคลาสสิก ที่สุดท้ายลูกบอลจะลอยโด่งข้ามคานไปไกลมากกว่ามุดเสียบใต้คานอย่างสวยงาม แสดงว่า ‘เราคือพวกเดียวกัน’
ตลอดการเดินทางบนเส้นทางลูกหนังในมังงะ 4 ภาคหลัก (ภาคแรก, เยาวชนโลก, Road to 2002 และ Golden 23 จำนวน 82 เล่ม ซึบาสะต้องเจอคู่แข่งสุดหินจำนวนมากที่เกือบทำให้เขาต้องพบกับความพ่ายแพ้ ตั้งแต่นักเตะหัวกะทิระดับมัธยมจากญี่ปุ่น
คู่แข่งระดับโลกจากหลากประเทศที่มีความสามารถเหนือจินตนาการไปอีกขั้น ทั้งจักรพรรดิ์ลูกหนังแห่งเยอรมนี คาร์ล ไฮนซ์ ชไนเดอร์, โชชุงโช ที่มีลูกยิงสะท้อนกลับด้วยความแรงสองเท่าจากประเทศจีน, คาร์ลอส ซานตานา เครื่องจักรลูกหนัง และ นาโตเลซา อัจฉริยะผู้ร่าเริงจากประเทศบราซิล
รวมทั้ง บุนนาค สิงห์ประเสริฐ และ 3 พี่น้องกรสวัสดิ์ จากทีมเยาวชนทีมชาติไทย ที่ประยุกต์ทักษะแม่ไม้มวยไทยและเซปักตะกร้อมาเล่นงานซึบาสะและเพื่อนๆ จนสะบักสะบอม ไปจนถึงการเดินทางไปค้าแข้งที่ประเทศสเปนกับสโมสรบาร์เซโลนา ของ ริวัล นักเตะอันดับ 1 ของโลกที่เล่นตำแหน่งเดียวกับซึบาสะขวางทางอยู่
นอกจากความสามารถและ ‘สกิลพระเอก’ ตามสไตล์มังงะ Shonen Jump ซึบาสะเอาชนะทุกอุปสรรคได้ด้วยคำพูดที่เขายึดมั่น คอยบอกกับตัวเองและเพื่อนๆ อยู่ซ้ำๆ ว่า “เวลายังเหลือ”, “การแข่งขันยังไม่จบ”, “เรายังไม่แพ้”, “ไปยิงประตูเพิ่มกันเถอะ”
หากคิดจากความหมายตามชื่อของเขา โอโซระ มีความหมายถึงท้องฟ้ากว้าง ส่วน ซึบาสะ แปลว่า ปีก เจ้าหนูสิงห์นักเตะคนนี้ก็ได้ติดปีกความฝันให้ตัวเองออกไปโผบินบนท้องฟ้ากว้างของโลกฟุตบอลอย่างไม่เคยย่อท้อ ยิ่งเจออุปสรรค ยิ่งแข็งแกร่ง ฟ้ากว้างเท่าไร ใจของเขาก็กว้างมากเท่านั้น เขาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าตราบใดที่นกหวีดหมดเวลายังไม่ดัง เขาจะกลับมาเอาชนะได้เสมอ และ 99% เขาก็สามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ
ความสำเร็จของมังงะกัปตันซึบาสะ คือการเป็นส่วนสำคัญที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ หันมาเล่นฟุตบอล และกลายเป็นกีฬาอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นเทียบเคียงกับเบสบอลในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งยอดมากกว่า 70 ล้านเล่มทั่วโลกที่ไม่เพียงแต่ในประเทศญี่ปุ่น โซนเอเชีย แต่ซึบาสะยังโด่งดังไปถึงโซนยุโรปที่วัฒนธรรมฟุตบอลแข็งแกร่ง
แต่เสน่ห์ของเด็กหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยที่คนยุโรปรู้จักในชื่อ ‘โอลิเวอร์ อะตอม’ ก็ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี, เนย์มาร์, อเล็กซิส ซานเชซ, มิดฟิล์จอมโหด เจนนาโร กัตตูโซ, เจ้าชายหมาป่า ฟรานเชสโก ต็อตติ, เมซุต โอซิล ตัวรุกพรสวรรค์ทีมชาติเยอรมัน ที่เคยใส่สนับแข้งรูปซึบาสะลงไปแข่งในสนาม, เฟอร์นันโด ตอร์เรส ที่เริ่มเล่นฟุตบอลเพราะซึบาสะ และบอกทุกคนว่าต้องอ่านการ์ตูนเรื่องซึบาสะถ้าอยากเป็นนักฟุตบอลที่ดี
อันเดรส อีเนียสตา อดีตกองกลางอัจฉริยะจากบาร์เซโลนา ที่ตอนนี้ย้ายไปค้าแข้งที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ยอมรับอย่างเปิดเผยว่าเป็นแฟนตัวยงของซึบาสะ กระทั่งตำนานเพชฌฆาตของอาร์เซนอลและทีมชาติฝรั่งเศสยังเคยให้สัมภาษณ์ถึงนักเตะที่เขานับถือจากอีกซีกโลกว่า “ต้องขอบคุณกัปตันซึบาสะที่ทำให้ผมได้มาเป็นนักฟุตบอลตามความฝันของผมได้”
น่าเสียดายที่หลังจากเนื้อเรื่องในภาค 4 ที่ซึบาสะกลับมาช่วยทีมชาติญี่ปุ่นสู้ศึกโอลิมปิก เราก็แทบไม่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการของกัปตันคนเก่งคนนี้เท่าไรนัก เขาอาจจะกำลังแข่งฟุตบอลอยู่ในสนามกับทีมใดทีมหนึ่ง โดยเปลี่ยนสถานะจากเจ้าหนูฟ้ากว้างเป็นนักเตะรุ่นเก๋าที่คอยสนับสนุนรุ่นน้องอยู่ห่างๆ หรืออาจจะผันตัวเองไปเป็นโค้ชส่งต่อทักษะและแนวคิด ‘ฟุตบอลคือเพื่อน’ ให้กับเด็กๆ หรืออาจจะกำลังฉลองวันเกิดด้วยการเล่นฟุตบอลกับลูกน้อยด้วยรอยยิ้มที่แสนร่าเริง
ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะหรือสถานที่ไหน สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจได้แบบไม่ต้องคาดเดา คือ อย่างน้อยที่สุด เขาต้องยังมีลูกฟุตบอลอยู่ใกล้ๆ เป็น ‘เพื่อนสนิท’ คนสำคัญที่ขาดไม่ได้เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนอย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: