ไม่ว่าคุณจะยืนอยู่ฝั่งกดปุ่ม ‘ถูกใจ’ หรือ ‘ไม่ถูกใจ’ สิ่งนี้ ทันทีที่ดิสนีย์ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ Mulan Live Action ที่ได้ หลิวอี้เฟย มารับบทเป็น มู่หลาน ลูกสาวสกุลฮัวที่ถูกตีความใหม่ในเวอร์ชันที่สมจริงอิงประวัติศาสตร์และเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
แต่เชื่อเถอะว่าชื่อของนักแสดงสาวชาวจีนที่ได้รับฉายาว่า ‘Fairy Sister’ จะกลายเป็นหนึ่งในชื่อที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ของวงการภาพยนตร์จีนและฮอลลีวูดไปอีกนาน โดยเฉพาะเมื่อนักแสดงรุ่นพี่อย่าง ฟ่านปิงปิง ที่เคยเฉิดฉายครองตลาดภาพยนตร์จีนและฮอลลีวูดมาก่อนหน้าเพิ่งถูกคดีเลี่ยงภาษีจนแสงสว่างค่อยๆ ลดลงไป ก็พอจะพูดได้อย่างไม่เกินจริงไปนักว่า ต่อไปนี้คือยุคของ ‘คริสตัล หลิว’ แล้วจริงๆ
THE STANDARD POP ขอพาทุกคนย้อนไปทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น นับตั้งแต่วันที่ยังเป็นเด็กสาวที่ต้องไปใช้ชีวิตที่อเมริกา วันที่หลายคนเริ่มเรียกเธอว่า ‘พี่นางฟ้า’, หลอมรวมกับตัวละครเซียวเหล่งนึ่ง, การต่อสู้กับเสียงวิจารณ์, งานร้องเพลงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก, ชีวิตหลังกล้องที่เป็นทาสแมวตัวเอง ก่อนกลายมาเป็น ‘มู่หลาน’ อย่างในปัจจุบัน
1. หลิวอี้เฟย นักแสดงสาวอายุ 31 ปี เกิดที่ประเทศจีน แต่หลังจากพ่อแม่แยกทางกัน แม่ก็พาเธอย้ายมาใช้ชีวิตและเรียนที่เมืองควีนส์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เป็นเวลา 5 ปี ไปพร้อมๆ กับเริ่มฝึกทักษะด้านการเต้น (แม่เป็นนักเต้นมืออาชีพ) ร้องเพลง และเล่นเปียโน ก่อนกลับมาศึกษาต่อด้านการแสดงที่สถาบันอันดับหนึ่งในประเทศจีน Beijing Film Academy ไปพร้อมๆ กับงานแสดงที่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2003
2. ในช่วงอายุ 16 ปี หลิวอี้เฟยได้โอกาสรับบทเด็กสาวที่หลงรักชายที่มีเจ้าของในละครพีเรียด The Story of a Noble Family ก่อนจะเริ่มแจ้งเกิดจริงๆ ในบทแม่นางหวังอวี่เยี่ยน หญิงสาวพูดน้อย ขี้อาย แต่สวยตราตรึง ในละคร 8 เทพอสูรมังกรฟ้า คู่กับ หลินจื้ออิง ในบทคุณชายต้วนอี้ ที่รักและเทิดทูน เรียกแม่นางหวังซ้ำๆ ว่า ‘พี่นางฟ้า’ จนคนดูหลายคนคิดไปด้วยว่าเธอคือนางฟ้าจริงๆ
ในปี 2004 หลิวอี้เฟยเริ่มท้าทายตัวเองในวงการภาพยนตร์ไต้หวันอย่าง Love of May และ The Love Winner แต่ทั้งสองเป็นหนังฟอร์มเล็กที่ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก ในปี 2005 เธอกลับมาเล่นละครกำลังภายใน เซียนกระบี่พิชิตมาร กับบทเจ้าหลิงเอ๋อ หญิงสาวแสนบอบบางไร้เดียงสาอีกครั้ง และทำให้คนดูมั่นใจได้แล้วว่าบทแบบนี้เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว
3. ถัดมาอีก 1 ปี ภาพลักษณ์ของหญิงสาวไร้เดียงสา ก็เปลี่ยนเป็นนักพรตสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ในเรื่อง ดาบมังกรหยก ภาค 2 กับบทบาทแจ้งเกิดเธอแบบเต็มตัวชนิดที่เรียกได้ว่าคนดูหลายคนได้ผสานตัวตนของหลิวอี้เฟยและ ‘เซียวเหล่งนึ่ง’ จนไม่สามารถแยกออกจากกัน
กระทั่งเจ้าของบทประพันธ์อย่าง กิมย้ง ยังเป็นฝ่ายออกปากบอกว่าต้องการให้หลิวอี้เฟยมารับบทเป็นเซียวเหล่งนึ่งในเวอร์ชันนี้ เพราะภาพลักษณ์โครงหน้าที่เรียบเฉย สงบนิ่ง เย็นชา แต่สวยงามราวกับรูปปั้นของภูติหิมะ ทำให้หลิวอี้เฟยกลายเป็นนักแสดงบทเซียวเหล่งนึ่งที่อายุน้อยและมีลักษณะใกล้เคียงกับตัวละครในบทประพันธ์มากที่สุด
และถ้าคุณคือคนหนึ่งที่รู้สึกรำคาญและหงุดหงิดเจ้าหนูเอี้ยก้วยที่ได้อยู่กับ ‘ท่านอาเล่งยี้’ อย่างใกล้ชิด พาลไปถึงโกรธอี่จี้เพ้งเป็นฟืนเป็นไฟให้อภัยไม่ได้ หลังจากฉาก ‘น้ำวิสุทธิ์’ ในตำนาน ที่ทำให้หัวใจของผู้ชายหลายคนสลายลงไปกองอยู่กับพื้น อยากให้รู้เอาไว้ว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น เพราะ ‘เราคือพวกเดียวกัน’
4. ในปี 2008 หลิวอี้เฟยหันหลังให้วงการโทรทัศน์ เดินหน้าสู่วงการภาพยนตร์เต็มตัว และได้รับโอกาสครั้งสำคัญกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Forbidden Kingdom ร่วมกับรุ่นพี่อย่างแจ็คกี้ ชาน, เจ็ต ลี และหลี่ปิงปิง ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป 128 ล้านเหรียญ
ในปี 2011 มีผลงานยืนยันการเป็นเจ้าแม่หนังพีเรียด 2 เรื่องติดคือ โปเยโปโลเย และฌ้อปาอ๋อง ศึกแผ่นดินไม่สิ้นแค้น ต่อด้วยในปี 2012 กับ The Assassin และ The Four Trilogy หรือ มหากาฬพยายม ในปี 2012-2014 และโกฮอลลีวูดอีกครั้งใน Outcast ในปี 2015 ที่มี นิโคลัส เคจ และเฮย์เดน คริสเตนเซน เป็นนักแสดงนำ ซึ่งผลงานแนวแอ็กชันทั้งหมดเป็นตัวช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เธอคือหนึ่งในนักแสดงสาวชาวจีนที่มีทักษะด้านการต่อสู้ไม่เป็นสองรองใคร
5. ไม่ใช่แค่หนังพีเรียดแอ็กชันกำลังภายในที่ถนัด หลิวอี้เฟย มีผลงานดราม่าหรือโรแมนติกคอเมดี้ฟอร์มเล็กแทรกเข้ามาอยู่เป็นระยะ เช่น Love in Disguise ที่มี หวังลี่หง ควบตำแหน่งแสดงนำและผู้กำกับในปี 2010, For Love or Money คู่กับ เรน ซูเปอร์สตาร์ชาวเกาหลี ในปี 2014, The Third Way of Love ในปี 2015 ที่เล่นคู่กับซงซึงฮอน นักแสดงชาวเกาหลีที่กลายมาเป็นหวานใจตัวจริงของเธอในอนาคต และหนังร่วมทุนจีน-ฝรั่งเศสอย่าง Night Peacock สุดวาบหวิว ที่ทำให้หลายคนใจสั่นในปี 2016 และ Never Gone ที่ทำรายได้ไป 50.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯลฯ
6. ถึงแม้จะมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลิวอี้เฟยคือหนึ่งในนักแสดงที่ต้องต่อสู้กับคำวิจารณ์มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าดูเด็กเกินไปที่จะมารับบทเซียวเหล่งนึ่ง
ล่าสุด เพิ่งได้รางวัลนักแสดงหญิงที่น่าผิดหวังที่สุดจากการประกาศรางวัล The Golden Broom Award 2018 (คล้ายๆ งาน Razzie Award ของประเทศจีน) จากหนังฟอร์มใหญ่อย่าง Once Upon a Time และ The Chinese Widow ในปี 2017 โดยเธอถูกมองว่าเป็นนักแสดงที่สวยมาก หากแต่เธอสวยจนไม่กล้าที่จะแสดงออกทางสีหน้าให้ใบหน้าที่งดงามราวรูปสลักเปลี่ยนรูปไป
เช่นเดียวกับในวันแรกที่ดิสนีย์ประกาศว่าเธอคือคนที่จะมารับบทเป็น ฮัวมู่หลาน ก็มีหลายคนโจมตีว่าเธอดูบอบบางเกินกว่าจะรับบทเป็นวีรสตรีผู้กล้าแกร่ง หากแต่หลิวอี้เฟยก็ยังคงเป็นนางฟ้าผู้เงียบสงบ เลือกที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วย ‘ดาบ’ และความสามารถทางการแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ อย่างที่หลายคนเริ่มเปลี่ยนความคิดทันทีที่เห็นตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Mulan ตัวแรกถูกปล่อยออกมา
7. นอกจากผลงานการแสดง หลิวอี้เฟย เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Sony Music Entertainment Japan ตั้งแต่ปี 2006 ที่ซิงเกิลเปิดตัวอย่าง Mayonaka no Door ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบแอนิเมชัน Powerpuff Girls Z เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น ก่อนที่จะปล่อยสตูดิโออัลบั้มเวอร์ชันจีนที่ชื่อ Liu Yifei และเวอร์ชันญี่ปุ่นที่ชื่อ All My Words ออกมาในปีเดียวกัน
หลังจากนั้นหลิวอี้เฟยมักจะได้รับมอบหมายให้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เธอเป็นนักแสดงนำอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ White Vengeance, The Four ภาค 1-2, The Assassins, Never Gone และ Once Upon a Time
8. อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลิวอี้เฟยใกล้เคียงกับการเป็นนางฟ้ามากกว่ามนุษย์ คือจิตใจของคนรักสัตว์ที่แสนอ่อนโยน ในปี 2011 เธอเริ่มทำงานสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลจัดการเรื่องหาที่อยู่อาศัยให้กับแมวจรจัด
รวมทั้งเปิดพื้นที่ในสวนหลังบ้านเป็นที่อยู่อาศัยของแมวจรจัดมากกว่า 30 ตัว ที่เธอและคุณแม่ช่วยกันดูแล พาไปทำหมัน เลี้ยงดูให้อาหารเป็นอย่างดี และมักจะใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียของตัวเองเป็นกระบอกเสียงช่วยเหลือสุนัขและแมวของเหล่าแฟนคลับ รวมทั้งประกาศหาที่อยู่ให้กับสัตว์จรจัดอยู่เสมอ
9. กว่าที่จะได้รับบทเป็น ฮัวมู่หลาน หนึ่งในบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิต ทีมแคสติ้งและผู้กำกับ นิกี้ คาโล ใช้เวลาอยู่ 1 ปีเต็มเพื่อออกค้นหานักแสดงหญิงชาวจีนจากทั่วโลกกว่า 1,000 คน มารับบทเป็น ‘ฮัวมู่หลาน’ หญิงสาวใจเด็ดที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพื่อออกรบแทนพ่อ
โดยมีคุณสมบัติที่ต้องการ 3 ข้อหลักๆ คือ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ฉะฉาน, มีเสน่ห์น่าดึงดูด พร้อมด้วยทักษะด้านการแสดง และเชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัว ซึ่งแน่นอนว่า ‘พี่นางฟ้า’ ของเราผ่านทุกคุณสมบัติแบบไม่มีข้อกังขา และเธอจะยืนยันเรื่องนี้แบบชัดๆ อีกครั้งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง Mulan เข้าฉายให้ทุกคนได้ชมพร้อมกันในวันที่ 26 มีนาคม 2020
ภาพ: Condor Heroes (2006)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- ew.com/movies/2019/07/08/everything-know-mulan-star-yifei-liu/
- www.hollywoodreporter.com/heat-vision/disneys-mulan-finds-star-1061585
- www.sixthtone.com/ht_news/1001998/upcoming-mulan-star-scores-chinas-razzie-award
- theplaylist.net/liu-yifei-mulan-disappointing-actress-20180328/
- www.scmp.com/culture/film-tv/article/2122402/crystal-liu-yifei-seven-things-you-dont-know-about-chinese-actress
- en.wikipedia.org/wiki/Liu_Yifei