ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีหนังจากประเทศฝรั่งเศสมาเข้าฉายให้คอหนังประเทศไทยได้สัมผัสรสชาติจัดจ้านและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เหมือนที่เราได้เห็นจาก The World is Yours ของ โรแมง กาฟรัส ที่กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อยู่ตอนนี้ และน้อยครั้งยิ่งกว่าที่เราจะได้นั่งพูดคุยกับผู้กำกับเรื่องนั้นแบบใกล้ชิด
ล่าสุด THE STANDARD POP ได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์ โรแมง กาฟรัส ที่บินตรงจากฝรั่งเศสมาที่ประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตั้งแต่แรงบันดาลใจในวัยเด็ก การเป็นลูกชายของผู้กำกับรางวัลออสการ์ สิ่งที่เขาพยายามนำเสนอผ่าน The World is Yours ไปจนถึง ‘ปัญหา’ ของวงการภาพยนตร์นอกกระแส ที่แม้แต่ผู้กำกับในดินแดนแห่ง ‘หนังอินดี้’ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
รวมทั้งแนวคิดสุดระห่ำในการแก้ปัญหา ที่เขาบอกว่าถ้ามีโอกาสเป็นประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส เขาจะเอางบประมาณทุกด้านมาสนับสนุนการทำหนังให้หมด!
ตัวอย่างภาพยนตร์ The World is Yours
อะไรคือจุดเริ่มต้นให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งอยากลุกขึ้นมารวมตัวกลุ่มเพื่อนตั้งกลุ่ม Kourtrajmé ทำหนังของตัวเองตั้งแต่อายุ 15 ปี
ผมเกิดมาในครอบครัวคนทำหนัง โดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศสที่วัฒนธรรมวงการภาพยนตร์ค่อนข้างแข็งแรงมากๆ สิ่งแวดล้อมต่างๆ บรรยากาศการทำงานของคุณพ่อ (คอสตา กาฟรัส ผู้กำกับเรื่อง Z เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเวที Academy Awards 1969) เลยทำให้ผมอยากลองทำอะไรแบบนั้นดูบ้าง
ตอนนั้นกลุ่มเรามีสมาชิกแค่ 3-4 คนเอง มีแต่ความอยากทำหนัง แต่ไม่มีใครอยากทำด้วย ชวนใครมาเล่นเขาก็ไม่ยอม ก็เลยต้องเล่นเอง (หัวเราะ) แถมยังต้องเล่น 4 บท มีใส่วิกเป็นผู้หญิงด้วยนะ แต่ทำออกมาเสร็จเอาไปฉายให้เพื่อนดู จนมีคนสนใจมาแสดง มาเข้ากลุ่มมากขึ้น แล้วก็เริ่มทำหนัง ทำมิวสิกวิดีโอมาจนถึงตอนนี้
คำว่าลูกของผู้กำกับรางวัลออสการ์มีส่วนกดดันหรือช่วยผลักดันคุณอย่างไรบ้าง
ผมเชื่อในคำพูดที่ว่า I Am Who I Am คือเราเป็นในสิ่งที่ตัวเราเป็น เพราะฉะนั้นผมไม่มีความรู้สึกว่าจะต้องกดดันอะไรจากการที่ผมมีพ่อเป็นผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ เพราะสุดท้ายตัวผมก็คือผม ผมคิดว่าเป็นเรื่องโชคดีด้วยซ้ำที่เกิดมาในครอบครัวคนทำหนัง เพราะทำให้ผมซึมซับศาสตร์ภาพยนตร์ และกลายมาเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด แต่ถ้าถามถึงเรื่องความกดดัน มันไม่ได้มาจากคนอื่น แต่เป็นการกดดันตัวเองว่าจะทำผลงานออกมาให้ดีได้อย่างไรมากกว่า
ถ้าสมมติว่าคุณไม่ได้เติบโตมาเป็นผู้กำกับหนังอย่างทุกวันนี้ ยังมีอาชีพอะไรอีกบ้างไหมที่คิดว่าอยากทำและน่าจะเหมาะกับตัวคุณ
ผมอยากเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพราะผมชอบคอสตูมของเขา (หัวเราะ) แต่ก็อยากเป็นจริงๆ นะ เพราะประธานาธิบดีก็เหมือนกับผู้กำกับนั่นล่ะ คือเป็นผู้นำในสเกลที่ใหญ่กว่าการทำหนัง คิดว่าอาชีพที่ผมสนใจก็คงจะอยู่ในหมวดหมู่ประมาณนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้กำกับ ผมนึกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่ายังมีอะไรที่อยากทำอีก
ถ้าดูจากผลงานหลายๆ อย่างของคุณเต็มไปด้วยพลุ่งพล่าน บ้าคลั่ง มีพลังงานสูงมากๆ สิ่งเหล่านี้สำคัญอย่างไรกับชีวิตการเป็นคนทำหนังบ้าง
ผมคิดว่าตอนเริ่มทำหนังใหม่ๆ สิ่งสำคัญที่สุดในช่วงวัยรุ่นคือต้องหาจุดยืนให้ตัวเอง ต้องต่อต้านอะไรบางอย่าง ต้องคิดอะไรให้ไม่เหมือนกับที่คนอื่นเคยทำมาก่อน เพราะอย่างที่บอกไปว่าวัฒนธรรมภาพยนตร์ของเราค่อนข้างแข็งแรงมาก เพราะฉะนั้นผู้กำกับจะต้องหาทิศทางของตัวเองให้ได้ และต้องมีความมั่นใจว่าสิ่งที่ทำออกมาจะต้องเป็นหนังที่ดี เป็นหนังที่ยิ่งใหญ่ บางทีเห็นชุดลิงกอริลลากับรถมอเตอร์ไซค์ เราก็เอามาทำเป็นหนังได้แล้ว
ผมคิดว่าช่วงที่เราเริ่มทำหนังใหม่ๆ ช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น เขาต้องหาจุดยืนให้ตัวเอง ต้องต่อต้านอะไรบางอย่าง เพราะคัลเจอร์เกี่ยวกับหนังของครอบครัวและประเทศค่อนข้างสตรอง เขาต้องหาทิศทางของตัวเอง ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมันจะออกมาเป็นหนังที่ยิ่งใหญ่ ที่ดี แค่เราเห็นชุดลิงกอริลลากับมอเตอร์ไซค์ก็เอามาทำเป็นหนังได้ มันเป็นธรรมชาติ มีอะไรก็ใส่ลงไป
คุณเริ่มทำหนัง The World is Yours ตอนอายุ 35 ปี ความพลุ่งพล่านที่เคยมีในสมัยวัยรุ่นยังหลงเหลืออยู่ในตัวคุณมากน้อยขนาดไหน
แน่นอนว่าผมอายุมากขึ้น ผมมีครอบครัว มีลูกสาว เรื่องความบ้าคลั่งแบบตอนนั้นมันต้องลดลงเป็นเรื่องปกติ ผมคงไม่วิ่งพล่านทำหนังเหมือนเมื่อก่อน แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่และนำมาใช้ได้เสมอคือ การคิดวิธีการเล่าเรื่องให้คนคาดเดาไม่ได้ที่ยังเป็นความสนุกและท้าทายที่ทำให้ผมชอบมากๆ ตั้งแต่วัยรุ่นมาจนถึงตอนนี้
ทำไมคุณถึงเลือกใช้คำถามที่ต้องเลือกระหว่าง ‘บุญ’ และ ‘บาป’ มาใช้เป็นฉากเปิดของตัวอย่างหนัง The World is Yours
มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อนนะ ต้องบอกก่อนว่าผมเชื่อว่าทั้งโลกและมนุษย์เป็นสีเทา ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยแค่สีดำหรือขาว และส่วนตัวผมก็ไม่ชอบหนังที่มาสอนคนดูว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นการที่เลือกเปิดเรื่องด้วยคำถาม ไม่ได้หมายความว่าผมจะบอกว่าอะไรถูกหรือผิด มันเป็นเพียงการแสดงตัวอย่างให้เห็นว่า คุณจะตัดสินใจเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบหนึ่ง ตัวละครในเรื่องก็อาจจะเลือกแบบหนึ่ง ตัวคุณอาจจะเลือกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่มีทางไหนถูกหรือผิด 100% เพียงว่าทุกการตัดสินใจก็ต้องตามมาด้วยผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง
การเลือกให้ตัวละครหญิงแข็งแกร่ง มีบทบาทโดดเด่นและสำคัญมากๆ ในหนังที่แนวโจรกรรมที่ส่วนใหญ่มักจะมีแต่ผู้ชาย มีเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างไร
ผมคิดว่าการวางให้ตัวละครฟรังซัวร์เป็นเด็กหนุ่มในโลกสีเทาที่มีความปรารถนาในแบบผู้ชายทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความเป็นลูกแหง่จากการที่มีแม่อย่าง แดนนี่ เป็นตัวแม่ที่แข็งแกร่งมากๆ เป็นคอนฟลิกซ์ที่น่าสนใจ เพราะมันค่อนข้างสวนทางกับหนังแก๊งสเตอร์ทั่วไปที่ผู้ชายต้องห้าวหาญ ส่วนผู้หญิงจะเต็มไปด้วยเซนสิทีฟ แต่ในเรื่องนี้จะเห็นมุมของผู้อีกแบบหนึ่งที่มีความเซนสิทีฟและอีโมชันนอลมากๆ ในขณะที่ผู้หญิงสตรองไปเลย เพราะอย่างที่บอกว่าโลกนี้เป็นสีเทา มนุษย์ทั้งชายและหญิงมีประเด็นที่น่าสนใจมากเกินกว่าที่เราจะไปสเตอริโอไทป์ว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้เท่านั้น
ตอนที่เขียนบทหนังเรื่องนี้ ผมใช้วิธีสังเกตมาจากชีวิตของผู้คนรอบตัว รวมทั้งไปคุยกับเพื่อนที่เป็นทนายความที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลบ่อยๆ ได้เห็นชีวิตของผู้คนจริงๆ มาเป็นข้อมูลในการเขียน เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าในหนังจะเห็นว่ามีสไตล์ Hyper Realistic อยู่ แต่จริงๆ แล้วมันก็ตีแผ่และสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมนั่นล่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของคู่แม่ลูก แดนนี่ ฟรังซัวร์ ก็ค่อนข้างสะท้อนความสัมพันธ์ของผมกับแม่มากๆ เหมือนกัน (หัวเราะ)
คุณคิดว่าการให้คะแนนภาพยนตร์ของนักวิจารณ์ในเว็บไซต์อย่าง Rotten Tomatoes มีความสำคัญมากขนาดไหน ในฐานะที่ The World is Yours ได้คะแนนมะเขือสดจากนักวิจารณ์ไป 95%
มีหลายมุมเหมือนกันนะ อย่างผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันสำคัญขนาดไหน เพราะหนังใหญ่เรื่องแรกของผมอย่าง Our Day Will Come ก็โดนวิจารณ์แย่มาก โดนปามะเขือเน่าไปครึ่งนึง (หัวเราะ) แต่ถามว่ามีผลอะไรมากไหม ก็ไม่นะ เพราะผมชอบหนังเรื่องนั้นมากๆ ไม่ว่าใครจะบอกว่ายังไงก็ตาม คำวิจารณ์เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม แต่กับเรื่อง The World is Yours ที่ได้คะแนนเยอะก็ถือว่าพวกเขาพูดถูกแล้ว พวกคุณเชื่อเขาได้เลย (หัวเราะ)
ส่วนในมุมของคนดูก็หลากหลาย แต่ที่ฝรั่งเศสจะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่บอกว่า หนังเรื่องไหนที่นักวิจารณ์ไม่ชอบหรือให้คะแนนน้อย จะยิ่งทำให้คนอยากไปดู เพราะว่าคนเริ่มไม่ชอบและไม่เชื่อนักวิจารณ์กันแล้ว (หัวเราะ) อย่างผมจะมีนักวิจารณ์ที่ติดตามและสนใจอยู่ ซึ่งผมจะยิ่งอยากดูหนังเรื่องนั้นมากๆ ถ้าคำวิจารณ์มีทั้งดีมากและแย่มากเท่าๆ กัน เพราะอยากไปรู้สึกด้วยตัวเองว่าเป็นอย่างไรกันแน่
ถ้าเป็นนักศึกษาวิชาภาพยนตร์ในประเทศไทย มักจะนำเอาหนังของผู้กำกับฝรั่งเศสอย่าง Jean-Luc Godard, Roman Polanski, Luc Besson, François Truffaut ฯลฯ มาใช้ในการศึกษา ส่วนตัวของคุณได้รับอิทธิพลจากผู้กำกับเหล่านี้อย่างไรบ้าง
ปฏิเสธไม่ได้เลยนะว่าทุกคนที่พูดมามีอิทธิพลมากๆ ในยุคหนึ่งของหนังฝรั่งเศสเลย ทุกวันนี้ก็ยังมีหลายคนที่เคารพและพยายามดำเนินรอยตามพวกเขาอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะทำแบบนั้น ผมเลยมองไปที่การพยายามฉีกออกมามากกว่า
เพราะฉะนั้นผู้กำกับที่มีอิทธิพลกับผมมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้กำกับจากต่างประเทศ ที่ผมชอบมากๆ คือ Federico Fellini กับหนังอิตาลีในยุค 1960 ที่ผู้กำกับจะหยิบเรื่องซีเรียสสะท้อนปัญหาสังคมมานำเสนอด้วยวิธีการที่สวยงาม รวมไปถึงหนังญี่ปุ่นของผู้กำกับอย่าง Kurosawa Akira หรือ Takeshi Kitano หนังฮ่องกงของ John Woo หรือผู้กำกับจากฝั่งสแกนดิเนเวียหลายๆ คน
ผู้กำกับที่พูดมา เขาจะมีอิทธิพลมากช่วงหนึ่งในหนังฝรั่งเศส แต่สำหรับตัวเขาเอง คิดว่าสำหรับเขามันเป็นการยากที่จะต้องฉีกจากผู้กำกับเหล่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีหลายคนที่ยังค่อนข้างเคารพและพยายามดำเนินรอยตามผู้กำกับเหล่านั้น แต่สำหรับเขา มองว่าควรจะฉีกออกมา เพราะฉะนั้นสำหรับตัวเขาเอง คิดว่าเหล่านั้นไม่ได้มีผลกับเขามาก เท่ากับหนังอิตาลี หนังญี่ปุ่นของ Kurosawa Akira หรือ Takeshi Kitano หรือจากผู้กำกับสแกนดิแนเวีย หรือแม้แต่ John Woo ฮ่องกง
หลายคนมักจะพูดคล้ายๆ กันว่าหนังฝรั่งเศสมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ เป็นหนังที่เล่าเรื่องด้วยภาพ บรรยากาศ สวยงาม เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ต้องตีความไปจนถึงขั้นดูไม่รู้เรื่อง คุณมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
โอ้ แล้วแต่มุมมองของคนเลยครับ ผมพูดถึงภาพรวมส่วนตัวของผมนะ ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นหนังจากประเทศอะไร แต่ผมชอบหนังที่เอาคนดูอยู่ ต่อให้ภาพสวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่สามารถติดตามเรื่องราวไปได้ผมก็ไม่ชอบ มันต้องมีความบันเทิง มีความเอ็นเตอร์เทนอยู่ด้วย แต่ก็มีหลายเรื่องนะที่ผมดูไม่รู้เรื่องแต่ก็เป็นหนังที่ผมรักมันมากๆ อยู่เหมือนกัน ผมคงถูกดึงดูดด้วยอะไรบางอย่างมากกว่า
ซึ่งคำว่าเอาคนดูอยู่หรือดูแล้วไม่น่าเบื่อเนี่ย มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะ บางคนอาจจะถูกดึงด้วยความซับซ้อน การตีความสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่อง แต่นั่นคือความสนุกของเขา เพราะมันมีความน่าค้นหาในความไม่รู้เรื่องนั้นอยู่ เหมือนอย่างในเรื่อง The World is Yours ก็ไม่ได้บอกทุกอย่างให้คนเข้าใจ มีปมที่ลึกลับ ซับซ้อน มีสัญลักษณ์หลายอย่างที่คนดูต้องค้นหาและตีความเอาเองเหมือนกัน
ในประเทศไทยประสบปัญหาอย่างหนึ่งคือ มีโอกาสน้อยมากที่หนังนอกกระแสจะได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จ ถ้าไม่ใช่หนังเมนสตรีมที่คนส่วนใหญ่ชอบ ในประเทศฝรั่งเศสที่ดูเหมือนเป็นดินแดนของหนังนอกกระแส มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ้างไหม
ปัญหาเดียวกันเลยครับ เป็นเรื่องธรรมดามากที่หนังตลก หนังผี หรือหนังเมนสตรีมต่างๆ จะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะแบบนี้ล่ะเลยเป็นที่มาของ The World is Yours ด้วย ที่ผมพยายามทำแพ็กเกจให้ภายนอกเหมือนหนังในกระแส แต่เนื้อหาหรือในตัวตนของมันจะมีความอาร์ต มีแฝงอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นอินดี้อยู่ เป็นเทคนิคที่ผมพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้
แล้วผมคิดว่าไม่ใช่ประเทศไทยหรือฝรั่งเศสหรอก วงการภาพยนตร์ทุกประเทศมีปัญหาเหมือนกันหมด โดยเฉพาะหนังอินดี้โปรดักชันเล็กๆ ที่ยากมากกว่าจะได้เงินทุนมาซัพพอร์ตทำหนังได้สักเรื่องหนึ่ง ตอนทำ The World is Yours ก็เหมือนผมต้องวิ่งเข้าไปผจญภัยในป่าเลยนะ (หัวเราะ) ไปเจออะไรหลายอย่างมากที่ไม่คาดคิด มีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นให้ต้องจัดการอยู่ตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งหนังใหญ่เองก็เถอะ ต่างมีปัญหาในแบบของตัวเองเหมือนกัน
ขอย้อนไปตอนที่คุณบอกว่าถ้าไม่ได้ทำหนัง จะอยากเป็นประธานาธิบดี ถ้าความคิดนั้นเป็นจริงขึ้นมา มีนโยบายอะไรบ้างที่คุณจะรีบจัดการเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์
ผมจะเอางบประมาณทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สาธารณสุข กลาโหม กีฬา ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม มาสนับสนุนการทำหนังให้หมดเลย (หัวเราะ)
มิวสิกวิดีโอเพลง Bad Girls ของ M.I.A.
ภาพ: ธนินต์วัสส์ พิชิตนภากุล
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
- นอกจากผลงานภาพยนตร์ โรแมง กาฟรัส ยังโดดเด่นในด้านการกำกับมิวสิกวิดีโอ โดยมีผลงานเด่นคือเพลง Bad Girl ของ M.I.A. ที่ทำให้เขาได้รางวัลสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมและผู้กำกับภาพยอดเยี่ยมจาก MTV Video Music Awards มาครอง
- The World is Yours ว่าด้วยเรื่องของ ฟรังซัวร์ (คารีม เลอโคล) พ่อค้ายาเสพติดที่อยากทำงานสุดท้ายเพื่อปิดฉากอาชีพของตัวเอง ระหว่างทางเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ต้องไปดึง แดนนี่ (อิซาเบล อัดจานี) แม่แท้ๆ ที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งมาช่วย แต่กลับทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากกว่าเดิม