ท่ามกลางเคาน์เตอร์แบรนด์จำนวนมากในโซน Beauty Hall เรามักเห็นภาพสาวๆ กำลังรุมล้อมลองลิปสติก เทสต์สีรองพื้น หรือไม่ก็สนุกกับการลองสีอายแชโดว์ของหลายแบรนด์ที่โชว์เมกอัพเป็นจุดเด่นจนคุ้นตา ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นจะพบว่า ณ มุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ Aesop กลับเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่ดูเงียบสงบ และมีคุณหนุ่มๆ แวะเวียนเข้าไปปรึกษา ทดลอง และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อย่างไม่เคอะเขิน อะไรทำให้เคาน์เตอร์ทั้ง 3 แห่งของ Aesop กลายเป็นสถานที่ซึ่งคุณผู้ชายสะดวกใจจะเดินเข้าไป และจมจ่อมอยู่กับผลิตภัณฑ์ภายในนั้นได้เป็นเวลานาน บางทีนี่อาจเป็นคำตอบที่หลายๆ คนอยากรู้ก็เป็นได้
แพ็กเกจเรียบง่าย แต่เท่
วัสดุและดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบให้มีรูปแบบของฉลากที่เหมือนกัน ต่างกันแค่ชื่อ รายละเอียดของส่วนผสม และวิธีใช้ของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท หากดูรวมๆ แทบจะไม่รู้เลยว่าอันไหนใช้กับอะไร เพราะหน้าตาและดีไซน์เหมือนกันทั้งเคาน์เตอร์
ป๊อก-รชดล ยิ่งพิสุทธิ์ Brand Manager Aesop Thailand ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับหน้าตาของแพ็กเกจที่เหมือนกันให้ฟังดังนี้
“ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยรู้จัก หรือไม่เคยใช้แบรนด์ Aesop มาก่อน อาจเดินมาถึงเคาน์เตอร์แล้วทำหน้างงๆ กับหน้าตาของแพ็กเกจที่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะเรากำลังจะสื่อสารกับทุกคนว่ามันคือความตั้งใจที่อยากเชิญทุกคนให้มาเปิดบทสนทนา ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งนี้ใช้ทำอะไรก็ถามเลย เราอยากให้ถาม เพราะมันไม่มีทางเลยที่หยิบขึ้นมาแล้วจะรู้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใด สร้างมาเพื่อจุดประสงค์ใด แต่ถ้ามีการเปิดบทสนทนา เราจะได้เล่าให้ฟัง จะได้บอกลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และนำเสนอวิธีใช้งานในแบบของเรา ซึ่งกลายเป็นว่าดีไซน์ของแพ็กเกจนั้นเป็นความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร และเป็นภาพจำที่ง่าย มีความเป็นยูนิเซ็กซ์ ทำให้ผู้หญิงก็ใช้ได้ ผู้ชายก็ไม่เคอะเขินที่จะเดินเข้ามายังเคาน์เตอร์ของเรา”
ผู้ชายแบบ Aesop
จากประสบการณ์ เราพบว่าผู้ชายส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้า Aesop ส่วนมากเป็นคนที่ทำงานเอเจนซี หรือไม่ก็เป็นคนที่ชอบงานดีไซน์ จากการพูดคุยเปิดบทสนทนา เราพบว่าพฤติกรรมที่แทบจะเหมือนกันของชายหนุ่มกลุ่มนี้คือเขาเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทกับการทำงานหมดแล้ว และเมื่อเขาเชื่อใจในผลิตภัณฑ์อะไรแล้วก็จะใช้ต่อไปไม่หยุด ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งความคิดตรงนี้จะไม่ค่อยเหมือนกับคุณผู้หญิงเท่าไรเพราะสาวๆ บางทีก็อยากเปลี่ยนไปทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แม้จะมีผลิตภัณฑ์ที่ดีอยู่แล้ว แต่สัญชาตญาณผู้หญิง อะไรฮิตก็อยากลอง ตรงกันข้ามกับคุณผู้ชายที่พอใช้ผลิตภัณฑ์อะไรที่โอเคแล้วมักจะไม่เปลี่ยน บางคนใช้ต่อเนื่องกันเป็นสิบปี
หนุ่มๆ มองหาอะไรใน Aesop
ส่วนมากเมื่อผู้ชายมาถึงเคาน์เตอร์ Aesop มักจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซับซ้อน เช่น อยากได้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหน้า ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน มันคืออะไรก็ได้ที่เขานำไปใช้ดูแลผิวด้วยสเต็ปง่ายๆ 1 2 3 แล้วจบ ซึ่งเราก็จะมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ครบ คือเป็นเซตดูแลผิว ใช้ล้างหน้า ทาโทนเนอร์ ตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ จบ ซึ่งกว่าเราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใดๆ ให้ใครก็ตาม เราจะต้องคุยแบบเจาะลึก ต้องรู้จักไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต เวลาตื่น เวลาเข้านอน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทั้งนี้เพื่อจะได้จัดผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับแต่ละคน
เสน่ห์ของผลิตภัณฑ์
เสน่ห์ที่กลายเป็นจุดเด่นของ Aesop คือเรามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์สำหรับผิวหน้า เส้นผม ผิวกาย ทั้งหมดผลิตขึ้นมาจากธรรมชาติผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ เพราะ Aesop เป็นแบรนด์ที่เชื่อว่าวิทยาศาสตร์ก็มีสิ่งดีๆ ที่สามารถมอบให้ผิวเราเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเป็นยูนิเซ็กซ์ มันเลยใช้ได้หมดทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย เสน่ห์อีกอย่างคือความโดดเด่นของดีไซน์แพ็กเกจที่เหมือนกันหมด คุณผู้ชายก็จะมีความรู้สึกว่าต่อให้หยิบอันที่เป็นของผู้หญิงมา มันก็อยู่ในแพ็กเกจเดียวกัน เขาจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะหยิบออกมาใช้งาน แล้วกลิ่นเฉพาะของ Aesop มันไม่ใช่กลิ่นฟลอรัล ไม่ใช่แนวอ่อนหวาน หากใครเคยดมกลิ่นจะรู้ว่ามันคือกลิ่นแนวอโรมาติก ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะมาก อย่างกลุ่ม Parsley Seed จะมีกลิ่นออกแนวสมุนไพรนิดๆ เป็นกลิ่นที่เป็นยูนิเซ็กซ์มาก ผู้ชายส่วนใหญ่จึงสะดวกใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของ Aesop
ชิ้นเด็ด must-have
นอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไป ล้างหน้า โทนเนอร์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์แล้ว วิน-เติมผล โศภณ Training and Operation Manager Aesop Thailand ยังแนะนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Parsley Seed ที่โด่งดัง ซึ่งหลายคนคุ้นเคยกันดี เพราะผิวสวยต้องมาจากผิวที่แข็งแรง ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จึงช่วยเรื่องการดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายใน แต่กลุ่มที่คุณวินอยากแนะนำมากที่สุดตอนนี้คือ Skincare+ ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีสูงสุด โดยสิ่งที่เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติต่างๆ รวมถึงวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อผิวจะถูกอัดแน่นอยู่ในผลิตภัณฑ์อย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนออกมาเป็นกลุ่ม Skincare+ ที่เป็นขั้นแอดวานซ์ของการดูแลผิว
โดยตัวไฮไลต์คือ B&C Facial Balancing Gel ทรีตเมนต์เจลที่เปี่ยมด้วยวิตามินซี ช่วยบำรุงและปรับสมดุลให้กับทุกสภาพผิว ใช้ได้ดีโดยเฉพาะกับคนที่มีผิวมัน เห็นท่าทางหนืดๆ ยืดๆ แบบนี้ แต่เมื่อวอร์มลงบนฝ่ามือแล้วทาลงบนผิวจะพบว่าซึมเร็ว สักพักผิวหน้าจะนุ่ม ไม่มีความมัน เพราะเป็นสูตรออยล์ฟรี ไม่ก่อให้เกิดสิว
- คนมักจะเข้าใจผิดคิดว่า Aesop เป็นแบรนด์ออร์แกนิก แต่ทางแบรนด์ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นออร์แกนิก แม้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติก็จริง แต่มีการใช้กรรมวิธีวิทยาศาสตร์ร่วมด้วย
- Aesop ก่อตั้งขึ้น ณ กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี 1987 มีวัตถุประสงค์เพื่อการดูแลรักษาผิว เส้นผม หนังศีรษะ และร่างกาย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างส่วนผสมจากธรรมชาติและการสังเคราะห์ส่วนผสมจากห้องแล็บที่ได้รับการพิสูจน์ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เคาน์เตอร์ทั้ง 3 แห่งของ Aesop สาขาแรกตั้งอยู่ที่สยามพารากอน สาขาที่สองอยู่ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว และสาขาล่าสุดอยู่ที่ดิ เอ็มโพเรียม