Clare Waight Keller ดีไซเนอร์แม่ลูกสามแห่ง Givenchy ที่กำลังเสริมสร้างความสง่างามให้ผู้หญิงอีกครั้ง

จากการอำลาตำแหน่งอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์ของ Riccardo Tisci เมื่อปีที่แล้ว ทำเอาสาวก Givenchy ถึงกับใจหาย เมื่อแบรนด์ที่นับได้ว่ามีฐานแฟนคลับเยอะที่สุดแบรนด์หนึ่งและสร้างยอดขายถล่มทลายจนกลายเป็นภาพจำติดตลกว่าเป็นแบรนด์ของริคคาร์โดเองก็ถึงคราวต้องถูกเปลี่ยนมือจนได้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวที่ทำเอาหัวใจแฟนๆ Givenchy (Old Givenchy) ตุ้มๆ ต่อมๆ อีกครั้ง เมื่อได้ยินชื่อคนที่จะมารับช่วงต่อจากซูเปอร์สตาร์ดีไซเนอร์คนก่อน ซึ่งก็คือดีไซเนอร์หญิงชาวอังกฤษนาม แคลร์ เวต เคลเลอร์ อดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนเก่งของแบรนด์ Chloé

นอกจากเธอจะเป็นอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์หญิงคนแรกของ Givenchy นับตั้งแต่ อูแบร์ เดอ จีวองชี ก่อตั้งแบรนด์ แถมยังเป็นผู้ออกแบบชุดแต่งงานประวัติศาสตร์ให้กับ เมแกน มาเคิล ในพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รีแล้ว เธอยังเป็นทั้งเวิร์กกิ้งมัมที่ต้องดูแลครอบครัวอีกด้วย

1 ปีเศษๆ ผ่านไปหลังจากเดบิวต์คอลเล็กชันของเธอ (Spring/Summer 2018) ในฐานะอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์คนใหม่ อะไรคือสิ่งที่ทำให้แคลร์ขึ้นมาถึงจุดนี้ อีกทั้งบทบาทและความเข้าใจผู้หญิงอย่างถ่องแท้ของเธอที่ช่วยปลุกกระแสสตรีนิยมให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญชนิดที่เรายังรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย

Chloé Spring/Summer 2012

From C to C เส้นทางสายอาชีพจาก Calvin Klein สู่ Chloé

แคลร์จบการศึกษาด้านแฟชั่นจาก Ravensbourne College of Art และศึกษาต่อปริญญาโทด้านนิตแวร์จาก Royal College of Art ในกรุงลอนดอน เธอเริ่มต้นเส้นทางอาชีพดีไซเนอร์ครั้งแรกกับ Calvin Klein ในส่วนเสื้อผ้าผู้หญิง และหลังจากนั้นไม่กี่ปีเธอก็ได้ย้ายไปที่ Ralph Lauren Purple Label เพื่อดูแลในส่วนของเสื้อผ้าบุรุษ สิ่งที่ทั้งสองแบรนด์สัญชาติอเมริกันฟูมฟักคือการออกแบบเสื้อผ้าที่เข้าใจง่าย ใส่ได้จริง (และขายได้ดีตามสไตล์อเมริกันสปอร์ตแวร์) แต่ยังคงใส่ใจกับรายละเอียดที่แม้แต่เธอเองในขณะนั้นก็คาดไม่ถึง

ปี 2000 เธอย้ายมาดำรงตำแหน่งซีเนียร์ดีไซเนอร์ให้กับ Gucci ในการดูแลของ ทอม ฟอร์ด ก่อนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ครั้งแรกในชีวิตให้กับแบรนด์ Pringle of Scotland ที่ซึ่งเธอนำความชำนาญในสมัยเรียนบวกกับความคิดสร้างสรรค์มารีบู๊ตแบรนด์เก่าแก่ของสกอตแลนด์ให้กลับมามีชีวิตชีวา นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากมาย

จนกระทั่งปี 2011 แบรนด์สายโบฮีเมียนจากฝรั่งเศสอย่าง Chloé ได้เข้าสู่ยุคทองอีกครั้ง หลังจากที่ สเตลล่า แม็กคาร์ตนีย์ และฟีบี ไฟโล ได้ฝากผลงานไว้ ต้องยกความดีความชอบให้การเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของเธอจากแบรนด์ Ready-to-wear ที่ตกเป็นมวยรองในปารีสแฟชั่นวีกอยู่พักใหญ่จนขึ้นสู่เวทีมวยหลักประจำซีซันได้อย่างน่าชื่นชม เห็นได้จากไอเท็มสุดฮิตอย่างกระเป๋าห่วง Nile หรือ Faye ที่ไม่ว่าสาวๆ คนไหนก็อยากครอบครอง

การคำนับครั้งสุดท้ายของแคลร์ที่ Chloé Fall 2017

ดีไซเนอร์หญิงคนแรกของ Givenchy

ชื่อของแคลร์เป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้งเมื่อเธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์คนใหม่ของ Givenchy ในคอลเล็กชัน Spring/Summer 2018 ภาพสาวสายโกธิกสุดดาร์กได้กลายมาเป็นสาวมาดนิ่งและสุขุมกว่าเก่าด้วยงานเทเลอร์เนี้ยบๆ ทั้งแจ็กเก็ตและโค้ตลายปรินต์จากอาร์ไคฟ์สีคลาสสิกอย่างดำ กรมท่า และแดงชาด บนซิลูเอตที่คมกริบราวกับตัดเส้น พร้อมกับ Little Black Dress สุดพลิ้วตามความถนัดของแคลร์

“ฉันให้ความสำคัญกับความสง่างามเป็นพิเศษ เพราะตอนนี้มันเป็นสิ่งที่หายากมากในโลกแฟชั่น” แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงสำคัญนั้นล้วนมีที่มาและจุดประสงค์ “สตรีทแวร์กำลังเป็นที่นิยมและเราเสพมันอยู่ตลอดก็จริง แต่มันควรจะมีพื้นที่ให้เสื้อผ้าแบบอื่นบ้าง ห้องเสื้ออย่าง Givenchy ควรสร้างแฟชั่นที่ทุกคนโหยหาและปรารถนาในวงกว้างจากเสื้อผ้าที่ไม่สามารถหาได้ทั่วๆ ไป”

แคลร์ยังแสดงวิสัยทัศน์ในบทสัมภาษณ์บนเว็บไซต์ของ Vogue อิตาลี ถึงเหตุผลที่ไม่สานต่อสิ่งที่ริคคาร์โดทำไว้ว่า “ความสง่างามคือเรื่องของรายละเอียด ความแม่นยำของเส้นสายหาใช่กฎเกณฑ์ที่ตายตัวจากอดีต ฉันอยากให้ Givenchy เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในระยะยาวจนกว่าสารที่ต้องการสื่อจะชัดเจนพอ การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันไม่ใช่ตัวฉันจริงๆ” ลุคต่างๆ ในวันโชว์เราจึงได้เห็นคอลเล็กชันที่เสื้อผ้าไม่เรียกร้องความสนใจหรือยอดไลก์บนอินสตาแกรม แต่กลับทรงพลังด้วยการตัดเย็บ มีความคลาสสิกบนซิลูเอตที่ดูลึกลับ แต่กลับอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน

Givenchy Spring/Summer 2018 คอลเล็กชันแรกของแคลร์

อีกหนึ่งสิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้คือการเป็นอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์หญิงคนแรกของแบรนด์ และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในเครือ LVMH (นอกจาก มาเรีย กราเซีย คิอูรี ของ Dior และฟีบี ไฟโล ที่เพิ่งออกจาก Celine) หลายคนอาจตีความว่านี่คือหมัดสำคัญของนายทุนที่จะแสดงจุดยืนและสนับสนุนผู้หญิงในอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสูงสุดของห่วงโซ่ แต่เธอกลับมองว่าเกมการเมืองเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรกับบทบาทนักออกแบบอย่างเธอเท่ากับการเข้าใจในความต้องการและอารมณ์ของลูกค้า โดยเฉพาะจากมุมมองของผู้หญิงด้วยกันเอง

“ผู้หญิงอยากได้เสื้อผ้าที่สวย ขนาดตอนฟิตติ้งฉันยังคิดเลยว่า ถ้าเป็นฉัน ฉันจะอยากใส่ชุดเหล่านี้ไหม” เธอจึงเลือกที่จะตามความเชื่อของตัวเองมากกว่าจะยอมเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของเกมการเมืองในโลกแฟชั่น

ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ขณะเดินออกจากวิหารเซนต์จอร์จ

ผู้หญิงในต้นฉบับของแคลร์

อีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงในปีนี้ของแคลร์คือการออกแบบชุดแต่งงานให้กับ เมแกน มาร์เคิล ในพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รีแห่งราชวงศ์อังกฤษเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งโลกตั้งตารอดูชุดเจ้าสาวแห่งประวัติศาสตร์ที่เป็นความลับสุดยอด การทำนายรายชื่อมีแบรนด์จากอังกฤษติดโผมากมาย ตั้งแต่ Stella McCartney (ที่ออกแบบชุดที่ 2), Burberry, Erdem, Alexander McQueen ไปจนถึงห้องเสื้อกูตูร์หนึ่งเดียวของอังกฤษอย่าง Ralph & Russo แต่ทุกอย่างก็เมกเซนส์ทันทีที่เมแกนปรากฏกายในชุดสีขาวเรียบจาก Givenchy โดยแคลร์ เวต เคลเลอร์

จากรายงานของสำนักพระราชวังเคนซิงตันถึงเหตุผลที่เมแกนเลือกแคลร์มาออกแบบชุดในวันที่สำคัญที่สุดของเธอ เป็นเพราะสไตล์ที่คลาสสิกและสง่างามเหนือกาลเวลา การตัดเย็บสุดประณีต แต่ซ่อนความสบายๆ เป็นกันเอง พอถึงวันงาน บนฟีดโซเชียลของเราจึงได้เห็นชุดผ้าไหมสีขาวหางยาว คอเรือกว้างถึงไหล่ พร้อมผ้าคลุมปักลายดอกไม้ที่เป็นตัวแทนจากเครือจักรภพ และดอกป๊อปปี้ สัญลักษณ์จากแคลิฟอร์เนีย บ้านเกิดของเมแกน ภาพของดัชเชสในวันนั้นจึงทำให้เรานึกถึงชุดของออเดรย์ เฮปเบิร์น ในภาพยนตร์เรื่อง Breakfast At Tiffany’s เมื่อวันวานที่คลาสสิกและสง่างามเหนือกาลเวลาเช่นเดิม เพียงแค่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว จากก้านบุหรี่เป็นแหวนแต่งงาน สะท้อนจุดยืนของนักออกแบบผู้ซึ่งเข้าใจความต้องการของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี

แคลร์เผยภาพสเกตช์ชุดเจ้าสาวของดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์

เลดี้ กาก้า ที่งานปฐมทัศน์ภาพยนตร์ A Star Is Born ที่ลอสแอนเจลิส ในชุดของ Givenchy

นอกจากบทบาทการเป็นดีไซเนอร์แห่งปีแล้ว อีกหนึ่งหน้าที่ที่แคลร์จะละทิ้งไม่ได้เลยคือการเป็นแม่ เธอแต่งงานกับสถาปนิก ฟิลลิป เคลเลอร์ ทั้งคู่มีลูกแฝดหญิงอายุ 15 ปี (ชาร์ล็อตต์และเอมีเลีย) และลูกชายคนเล็กวัย 6 ขวบ (แฮร์ริสัน) ที่อาศัยอยู่ในลอนดอน หลังจากช่วงเวลาที่เธอซุ่มออกแบบชุดให้เมแกนและดูแลภาพรวมแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ที่ทั่วโลกจับตามอง แคลร์คือคุณแม่คนเก่งที่ต้องเดินทาง ทั้งยังต้องจัดการชีวิตที่แสนจะแน่นขนัดไปด้วยภารกิจมากมาย

ลิลี่ คอลลินส์ หนึ่งในมิวส์ของเธอ กล่าวว่าแคลร์แบ่งเวลาครึ่งสัปดาห์ที่อังกฤษเพื่อดูแลครอบครัว และอีกครึ่งหนึ่งสำหรับงานที่ปารีส ยังไม่รวมทริปต่างประเทศกับทีมและพบปะบายเออร์ทั่วโลกอีกมากมาย โดยกิจกรรมที่เธอชอบทำกับครอบครัวมากที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์คือการตีเทนนิสที่สวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ ในกรุงปารีส

แคลร์จึงเป็นเหมือนนักกายกรรมที่ต้องควงลูกบอลกลางอากาศที่ไม่เพียงแค่ต้องสลับลูกบอลในมือให้ทันและไม่หล่น แต่ยังต้องแสดงให้สุดฝีมืออีกด้วย “ฉันกลับบ้านมาแล้วเรื่องงานทั้งหมดก็หายไปทันที เว้นเสียแต่จะมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ มีเรื่องมากมายที่ฉันต้องดูแลที่นี่ (ลอนดอน) จนไม่มีเวลาคิดเรื่องงาน ฉันว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากเลยนะของการมีครอบครัว คุณจะไม่ยอมปล่อยให้โลกแฟชั่นอันวุ่นวายมาเอาเวลาชีวิตคุณไปทั้งหมดหรอก” คงเดาได้ไม่ยากว่าเราสามารถเจอเธอได้บนรถไฟยูโรสตาร์สักขบวน

ไม่ว่ากระแสเรื่องความเท่าเทียมเรื่องเพศ โดยเฉพาะผู้หญิงในโลกแฟชั่นจะมาแรงแค่ไหน แคลร์คืออีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่ทุ่มเทและเต็มที่กับทุกบทบาทหน้าที่ที่มี จนผลงานที่ออกมาพูดแทนตัวเธอได้ดังกว่าเพียงเพราะเธอเป็น ‘ผู้หญิง’ ซึ่งทั้งหมดมาจากฝีมือและความตั้งใจของตัวเธอเอง แต่ในทางกลับกัน อาจจะเป็นเพราะการเป็นผู้หญิงที่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายของเธอนี่แหละที่เป็นตัวอย่างชัดเจนได้ว่า ไม่ว่าคุณจะมีข้อจำกัดหรือภาระในมือเยอะขนาดไหน คุณเองก็ทำมันได้ และทำมันได้ดีไม่น้อยไปกว่าใคร