**มีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์**
“ผมน่าจะช่วยได้มากกว่านี้ อย่างน้อยอีกแค่หนึ่งคนก็ยังดี”
คือคำพูดที่ ออสการ์ ชินด์เลอร์ (รับบทโดย เลียม นีสัน) กล่าวไว้เป็นครั้งสุดท้าย ในภาพยนตร์ Schindler’s List ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก พ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด ที่สรรค์สร้างความงดงามแห่งความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาอันโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
Schindler’s List เล่าเรื่องราวของ ออสการ์ ชินด์เลอร์ นักธุรกิจผู้มีวาทศิลป์และศาสตร์ในการโน้มน้าวใจคนเป็นเลิศ เขามองเห็นช่องทางสร้างกำไรจากการสร้างโรงงานผลิตเครื่องเคลือบ ภาชนะสำคัญในการทำสงคราม โดยใช้ประโยชน์จากชาวยิวที่ถูกตีตราว่าเป็นแรงงานราคาถูก เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลิต
ในช่วงแรกเขาจึงไม่ต่างอะไรจาก ‘ปีศาจ’ ผู้กระหายชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จ ถึงขนาดภาวนาให้สงครามยืดเยื้อยาวนาน เพื่อให้ธุรกิจเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ต่อไปได้นานที่สุด เขาคือสุดยอดนักวางแผนที่เก่งในเรื่องการใช้ ‘เงิน’ เพื่อต่อ ‘เงิน’ เขายอมลงทุนจำนวนมากเพื่อติดสินบนนายทหารนาซีระดับสูง เพื่อให้ตัวเองผูกขาดแรงงานชาวยิวราคาถูกได้แต่เพียงผู้เดียว
และการคาดการณ์ของเขาถูกต้อง ธุรกิจผลิตเครื่องเคลือบของเขาเจริญเติบโตไปพร้อมๆ กับไฟสงครามที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ เขากลายเป็นทหารเศรษฐีที่มีเงินมากจนนับไม่หมด มีคนนับหน้าถือตา เดินไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก เขาสามารถต้อนรับภรรยาที่เดินทางไกลมาเยี่ยมด้วยการจองโต๊ะที่ดีที่สุดในร้านอาหารที่ดีที่สุด ที่เคยสงวนเอาไว้สำหรับนายทหารระดับสูงเท่านั้น
แต่ในวันที่เขามีทุกอย่างเพียบพร้อม สิ่งที่เขาพูดกับภรรยามีเพียงประโยคคำถามสั้นๆ ที่ว่า “มีใครถามถึงผมบ้างหรือเปล่า”
เขาไม่ต้องการถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของใคร เขาอยากให้ทุกคนจดจำชื่อของ ออสการ์ ชินด์เลอร์ ในฐานะคนพิเศษ ผู้ทำสิ่งที่ไม่มีใครทำได้ให้เกิดขึ้นจริง เขาคือนักธุรกิจตัวเปล่าที่ฟื้นฟูโรงงานจนกลายเป็นมหาเศรษฐี และจะจากที่แห่งนี้ไปพร้อมกับรถ 2 ขบวนที่อัดแน่นไปด้วยเงินที่หามาได้
แต่แล้วเป้าหมายนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้เห็นภาพชาวยิวจำนวนมากถูกกดขี่ รวมทั้งการปรากฏตัวของ เอมอน เกิต (รับบทโดย ราล์ฟ ไฟนส์) นายทหารที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพนาซี ให้มาเป็นผู้ควบคุมเชลยชาวยิว
ในช่วงแรกที่ เอมอน เกิต ปรากฏตัว เขาคือนายทหารสุดโหดที่พร้อมจะปลิดชีวิตชาวยิวทุกคนที่เขาไม่พอใจอย่างไร้ความปราณี เขาคือปีศาจที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่น หากแต่ลึกๆ แล้วเขาต้องการเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ
ระหว่างที่เขาลั่นกระสุนออกไปนัดแล้วนัดเล่า ความเปราะบางในใจของเขาก็ค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นทีละน้อย ทั้งๆ ที่ลึกๆ เขาเป็นเพียงคนหนุ่มเสเพล ชอบดื่ม ชอบผู้หญิง และชอบการสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจ หากแต่ความเชื่อที่ถูกปลูกฝังว่าต้องเกลียดชังชาวยิว ได้เปลี่ยนให้เขากลายเป็น ‘ปีศาจ’ ไปโดยไม่รู้ตัว
ถ้ามองในแง่นี้ เกิตไม่ใช่มนุษย์ที่โหดร้าย เขาเพียงแค่เป็นนายทหารที่เข้มงวดต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เขาเคร่งครัดจนไม่อาจแสดงความรู้สึกกับหญิงสาวที่ตัวเองรัก เพียงเพราะเหตุผลหนึ่งเดียวคือเธอเป็นชาวยิว
ออสการ์ ชินด์เลอร์ เคยพูดเอาไว้ว่า “ถ้าไม่ถูกสงครามดึงด้านมืดในจิตใจออกมา เขาก็เป็นแค่ไอ้บ้าผู้น่ารักเท่านั้น” เขารู้ดีว่าลึกๆ แล้วตัวเขากับเกิตเองก็ไม่ต่างกัน เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ถูกผลกระทบของสงครามเปลี่ยนแปลงให้เป็นอีกคน
และก็เป็น ‘ไอ้บ้า’ คนนี้นี่แหละ ที่ทำให้ออสการ์เริ่มดึงเชลยชาวยิวเข้ามาทำงานด้วยมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะเขาต้องการเพิ่มกำลังผลิตให้กับโรงงาน คราวนี้เขาแค่ต้องการช่วยชีวิตคนเหล่านี้เอาไว้เท่านั้น
จากนักธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านการใช้เงินเพื่อต่อเงิน คราวนี้เขาใช้ความเชี่ยวชาญนั้นเพื่อใช้เงินต่อ ‘ชีวิต’ ชาวยิวที่เขาไม่เคยเห็นค่ามาก่อน เขาเริ่มติดสินบนพนักงานด้วยไฟแช็ก บุหรี่ นาฬิกา เงิน เพชร และทรัพย์สมบัติทั้งหมด โดยที่ไม่ได้รับอะไรตอบแทน
ในช่วงท้ายของสงคราม เพื่อไม่ให้ชาวยิวถูกย้ายไปที่ค่ายกักกันเอาชวิตซ์ เขายอมใช้เงินจำนวนมากซื้อตัวชาวยิว 1,100 คน และพาไปตั้งโรงงานผลิตปลอกกระสุนที่บ้านเกิด เขาบอกใครต่อใครว่า ‘กระสุน’ จะทำเงินให้กับเขาได้มหาศาล แต่สิ่งที่ผลิตออกมาจริงๆ คือกระสุนไร้คุณภาพที่ไม่มีกองทัพไหนยอมซื้อ
ในระยะเวลา 7 เดือน เขาใช้เงินที่สะสมมาตลอดชีวิตจนหมดเกลี้ยง เพื่อประคองโรงงานและชีวิตของแรงงานทั้งหมดให้อยู่รอดต่อไปได้ กระทั่งวันที่กองทัพนาซีประกาศยอมแพ้สงคราม 1,100 ชีวิตกำลังได้รับอิสรภาพ แต่ 1 ชีวิตของ ออสการ์ ชินด์เลอร์ กลับถูกตีตราว่าเป็น ‘อาชญากรสงคราม’ ที่ทางการต้องการตัว
จากที่เคยคิดว่าจะจากไปพร้อมกับเงินเต็มสองขบวนรถ สิ่งที่ ออสการ์ ชินด์เลอร์ ได้รับมีเพียงแหวนทองวงเล็กๆ ที่หล่อมาจากฟันปลอมของแรงงานยิวคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังพูดซ้ำๆ ต่อไปว่า “ผมน่าจะช่วยได้มากกว่านี้ อย่างน้อยอีกแค่หนึ่งคนก็ยังดี”
จนถึงตอนนี้เขาคงไม่ต้องการคำตอบที่เคยถามภรรยาว่า “มีใครถามถึงผมหรือเปล่า” อีกต่อไป เพราะชื่อของ ออสการ์ ชินด์เลอร์ ได้สลักลงไปในหัวใจของชาวยิวที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ทั้งหมดต่อไปอีกนานเท่านาน
และทำให้ Schindler’s List กลายเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในหัวใจแฟนหนังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า