พอลลีน งามพริ้ง ชวนคนเหยียดเพศ สำรวจตัวเอง หาคุณค่าในจิตใจให้เจอ

“ไม่ว่าเพศไหนก็แชร์โพสต์นี้ได้ เผื่อว่าการเหยียดเพศทุกเพศ มันจะลดน้อยลง และหันมาเคารพความเป็นมนุษย์กันมากขึ้น” #พอลลีนกับการรู้จักตัวเอง

ประโยคดังกล่าวคือข้อความล่าสุดจาก ‘พอลลีน’ ที่ส่งตรงถึงมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ข่าวที่โด่งดังเปรี้ยงปร้างจนทำให้โซเชียลแทบแตก คือกรณีที่ ‘พินิจ งามพริ้ง’ อดีตแกนนำกลุ่ม ‘เชียร์ไทย เพาเวอร์’ และเคยเป็นอดีตผู้ท้าชิงนายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ เมื่อปี 2556 ได้เปิดตัวในชื่อใหม่ ‘พอลลีน งามพริ้ง’ พร้อมแต่งกายเป็นหญิงสาวโพสต์ลงเฟซบุ๊กด้วยความมั่นใจ
“เรื่องนี้ เริ่มต้นในจิตใจมาตั้งแต่เกิด แต่พยายามทำตามความคาดหวังของทุกคน ณ ขณะนั้นๆ ให้ดีที่สุด ไม่เคยคิดโกหกหลอกลวง ใคร” คือข้อความแรกที่พอลลีนได้เปิดใจภายหลังที่เขาได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
ขณะที่วันนี้ พอลลีนได้เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง กับกรณีที่เขาได้ตัดสินใจ Come out ซึ่งมีคนแชร์ข้อความนี้เป็นจำนวนมาก THE STANDARD ชวนอ่านความคิดที่น่าสนใจของเขาอีกที

“มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย กับการที่คนๆ หนึ่ง จะเลือกที่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
ทั้งผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีทั้งที่ดีและไร้ค่าปะปนอยู่ร่วมกัน ผู้ชายบางคนก็มักมากในกาม เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ ผู้หญิงบางคนก็เห็นผู้ชายเป็นแค่ตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่
การเหยียดผู้หญิงข้ามเพศหรือผู้ชายข้ามเพศก็ตาม มันก็ล้วนมาจากสันดานการดูถูกเพศหญิงเหมือนกัน
‘เกิดเป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ เสือกอยากเป็นผู้หญิง’
‘เกิดเป็นผู้หญิงแล้ว เสือกบังอาจอยากทำตัวเป็นผู้ชาย’
ทั้งสองนิยาม มันคือการดูถูกและกดขี่เพศหญิง
ผู้หญิงที่ด่าผู้ชายว่า ‘หน้าตัวเมีย’ ผู้หญิงคนนั้นก็กำลังดูถูกเพศของตัวเอง
ทำไมเราไม่มองในมุมกลับว่า
“ก็เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่สวยงาม อ่อนโยน สงบ และมีความอดทนสูงน่ะสิ ผู้ชายบางคนถึงอยากเป็นผู้หญิง
และก็เพราะว่า ผู้ชายเป็นเพศที่มีความสง่างาม มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเสียสละไง ผู้หญิงบางคนถึงอยากเป็นผู้ชาย”
พอลลีนเองเคยผ่านประสบการณ์เหยียดเพศมาแล้ว ก็เคยเหยียดทั้งเพศหญิงและเพศชายนั่นแหละ การเหยียดเพศของพอลลีน มันเกิดมาจากการด้อยความรู้ที่ลึกซึ้ง แต่เชื่อไหม ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลในจักรวาลนี้ ไม่มีความรู้ใดมีค่ามากไปกว่าการรู้จักตัวเอง เข้าใจตัวเอง ทั้งในส่วนที่เป็นผิว และส่วนที่เป็นใต้สุดของภูเขาน้ำแข็ง
คนที่กำลังเหยียดเพศ และมองว่าเพศนั้นเพศนี้ที่ไม่เหมือนกับตัวเองเป็นเรื่องน่าอาย ควรจะเริ่มภารกิจสำรวจตนเอง หาความรู้ในจิตใจตัวเองให้มากกว่าที่เป็นอยู่
“พวกเราไม่ได้แอนตี้พระเจ้า เพียงแต่พระเจ้าได้มอบหมายให้เรามีภารกิจที่แตกต่างกันออกไป”