ใครที่ใส่แว่น หรือชอบการช้อปปิ้งแว่นตาคงรู้ดีว่าแบรนด์แว่นตาที่ดีไซน์สวย คุณภาพดี มักจะตามมาด้วยราคาที่แพง หลักหลายพันไปจนถึงหลักหลายหมื่น จนทำให้การเลือกซื้อแว่นตาดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยาก ทั้งการลองรุ่นแว่นที่ใส่แล้วเหมาะ แบรนด์ก็ต้องการันตีคุณภาพ ในขณะที่อยู่ในเลเวลราคาที่เอื้อมถึง
แต่ในปี 2010 แบรนด์แว่นตา Warby Parker ก็ถือกำเนิดขึ้น ด้วยไอเดียของกลุ่มผู้ก่อตั้งที่ถามตัวเองว่า ‘แว่นสวยทำไมต้องแพง’
Designer Eyewear + Revolutionary Price
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 Neil Blumenthal หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Warby Parker (เขาเคยริเริ่มองค์กรการกุศล VisionSpring ช่วยเหลือให้ผู้หญิงในประเทศที่กำลังพัฒนาให้ตรวจวัดสายตา ผลิต และขายแว่นตาได้เองครบวงจร) เขาชักชวนเพื่อนอีก 3 คน ซึ่งมาจาก Wharton School of Business ให้สร้างแบรนด์แว่นตาออนไลน์ด้วยกัน เพราะรู้สึกว่าแว่นตาราคาแพงมาก และตัวเขาเองเคยผ่านการทำแว่นตาหายตอนไปแบ็กแพ็ก แต่ตัดสินใจไม่ซื้อใหม่ตลอดการเรียนเทอมแรก ซึ่งเพื่อนอีก 3 คน Dave Gilboa, Andy Hunt และ Jeff Raider ก็เห็นด้วยกับไอเดียแบรนด์แว่นตานี้ จนเกิดเป็น Warby Parker
Photo: whartonmagazine.com
ตามเข็มนาฬิกา Andrew Hunt, Jeffrey Raider, Dave Gilboa และ Neil Blumenthal
ไอเดียแรกของ Warby Parker คือการขายแว่นตาออนไลน์ ไม่มีหน้าร้าน แต่มีบริการส่งตัวอย่างให้ลูกค้าสั่งถึงบ้านเพื่อลองของจริงก่อนได้ ซึ่งแว่นตาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแว่นสายตาหรือแว่นกันแดด จะถูกดีไซน์แบบ in-house มีการควบคุมคุณภาพวัสดุที่ใช้ผลิต และแบรนด์จะติดต่อโดยตรงกับลูกค้าที่ต้องการซื้อ ที่สำคัญคือมีราคาถูก โดยราคาเฟรมพร้อมเลนส์สายตาเริ่มต้นที่ประมาณ 95 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,100 บาทเท่านั้น
จนกระทั่งในปี 2010 นิตยสาร GQ ได้ติดต่อ Neil Blumenthal, Dave Gilboa, Andy Hunt และ Jeff Raider เพื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับแบรนด์ Warby Parker เพื่อนำไปลงในฉบับเดือนมีนาคม ซึ่งพวกเขาเข้าใจผิด เพราะฉบับมีนาคมวางแผงตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ นั่นทำให้ Warby Parker ต้องเลื่อนวันเปิดตัวเว็บไซต์ให้เร็วขึ้น เพราะเกิดกระแสจากปรากฏการณ์นี้ เนื่องจากนิตยสาร GQ ตั้งหัวเรื่องยกให้ ‘Warby Parker เป็น Netflix แห่งวงการแว่น’
ภายในเวลา 48 ชั่วโมง พวกเขาได้ออร์เดอร์สั่งแว่นจนต้องหยุดการให้บริการโปรแกรมจัดส่งแว่นไปลองที่บ้านเพราะสินค้าไม่เพียงพอ นอกจากนั้นเว็บไซต์ที่เปิดก่อนวันจริงก็เกิดระบบรวนจนไม่ขึ้นโชว์คำว่า Sold Out หลังจากที่ลูกค้าเข้าสั่งสินค้าเกินจำนวนที่มีอยู่จริง ในท้ายที่สุด Warby Parker มีลูกค้ารอแว่นตาอยู่ถึง 20,000 คน หรืออธิบายง่ายๆ ว่า Warby Parker ทุบสถิติเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับหนึ่งปีได้ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น!
Warby Parker
สิ่งที่เราชอบที่สุดเกี่ยวกับ Warby Parker คือความจริงใจ และความเอาใจใส่ของเขา Warby Parker เชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการมองเห็น และการช้อปปิ้งแว่นตาควรจะเป็นเรื่องง่ายและสนุก นอกจากนี้ทุกๆ การขายแว่นตา 1 คู่จาก Warby Parker พวกเขาจะบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่เป็นพาร์ตเนอร์อย่าง VisionSpring เพื่อช่วยให้ประชาชนในประเทศที่กำลังพัฒนามีโอกาสวัดสายตา และได้รับแว่นตาในราคาถูก
Photo: www.unscalablegrowth.com
Photo: yelpcdn.com
Warby Parker ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้แบรนด์แว่นตานี้แตกต่าง และเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่จริงๆ อย่างก่อนหน้าที่ Warby Parker จะมีหน้าร้านให้ลองแว่นตา พวกเขาเลือกขายออนไลน์เป็นหลัก แต่ก็มีลูกค้ามากมายเมลเข้ามาถามจนพวกเขาต้องคิดไอเดียเปิดหน้าร้านชื่อ Warby Parker Class Trip สร้างอยู่บนรถบัสโรงเรียนเพื่อขับไปยังเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งนอกจากจะเป็นไอเดียที่น่ารักและแปลกใหม่แล้ว พวกเขายังได้เก็บข้อมูลฐานลูกค้าจากแหล่งต่างๆ รอบประเทศก่อนเปิดร้านจริงอีกด้วย
ความน่ารักของพวกเขาไม่จบเท่านั้น วัน April Fool’s Day เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Warby Parker จับมือกับแบรนด์ฟาสต์ฟู้ด Arby’s เพื่อสร้างแคมเปญขำๆ อย่าง WArby’s ที่ขายสินค้าที่ผนวกอาหารฟาสต์ฟู้ดเข้ากับแว่นตา อาทิ Onion Ring Monocle (หัวหอมทอดที่เป็นเหมือนแว่นตาขาเดียว) ผ้าเช็ดแว่นสกรีนลายผัก เนื้อ และชีส แว่นตาลายเนื้อ ไปจนถึงเสื้อยืด ถุงผ้าสกรีนลาย Nice to Meat You พร้อมโลโก้ WArby’s
ปัจจุบัน Warby Parker มีหน้าร้านกระจายตัวอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา และยังมีอีกสองสาขาในแคนาดา โดยสาขาแรกอยู่ที่ย่านโซโห ในนิวยอร์ก เปิดบริการเมื่อปี 2013
Recommended Items
Percey
แว่นสายตารุ่น Staff Pick ราคาเริ่มต้นที่ 95 เหรียญสหรัฐเท่านั้น มีสีให้เลือกถึง 5 สี
Astrid
นอกจากแว่นกันแดดทรงเบสิกแล้ว Warby Parker ยังมีทรงแฟชั่นให้เลือกด้วย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- คนดังหลายคนก็ใส่ Warby Parker ทั้ง Oprah Winfrey, Jon Hamm และ Ryan Gosling!
