ไม่มีใครรู้ดีว่าคุณทำสิ่งไหนได้ดีที่สุด นอกจากตัวคุณเอง
วลีดังกล่าวช่างเป็นวลีที่คลาสสิกเหลือเกิน หากคุณเคยได้ยินมาบ้าง สุดท้ายแล้วมนุษย์เราทุกคนต่างรู้ข้อจำกัดและลิมิตของตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับเรื่องของ ‘ความชอบส่วนบุคคล’ ที่เราต่างมีไว้ในใจคนละอย่าง สองอย่าง หรือหลายๆ อย่าง ซึ่งต่างเป็นความรักความชอบที่เรามักจะทุ่มเท ให้ความสนใจ และรู้สึกมีความสุขกับสิ่งนั้นๆ อย่างแท้จริง แต่แน่นอนว่าความชอบส่วนตัวของเรา มักจะอยู่ในสายตาของคนอื่นเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนที่ทำงาน หรือใครก็ตามที่มองเห็นคุณอยู่ในสายตา โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถสร้างกระบอกเสียงนำเสนอความคิดเห็นส่วนตัวทั้งเชิงบวกเชิงลบได้อย่างทันท่วงทีเพียงปลายนิ้ว
ความแตกต่าง ความชื่นชอบ เรื่องของคุณหรือเรื่องของใคร
มนุษย์มีร้อยพ่อพันแม่ คุณน่าจะคุ้นเคยกับประโยคนี้ดี ดังนั้นคุณจะคาดหวังให้คนทุกคนมาปฏิบัติในสิ่งเดียวกัน คิดเหมือนกัน หรือรู้สึกเหมือนๆ กัน มันคงไม่ใช่ ลองยกตัวอย่างขึ้นมาง่ายๆ อย่างการที่คุณมีกิจกรรมที่คุณชอบเป็นการส่วนตัวสักอย่างสิ เช่น ชอบไปตามดูศิลปินที่คุณชื่นชอบ ตามไปกรี๊ด ไปเชียร์ หรืออย่างการนั่งจดจ้องเล่นเกมวันละหลายๆ ชั่วโมง หรือการริเริ่มทำอะไรบางอย่างที่คุณรักและเกิดความล้มเหลว แน่นอนว่าในระหว่างการทำกิจกรรมดังกล่าว ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น
แล้วตกลงเรื่องที่เรากำลังทำอยู่ หรือสิ่งที่เราตั้งใจทำอยู่นี้มันเป็นเรื่องของเรา หรือเรื่องของใคร ถ้าคำพูดดังกล่าวเป็นของคนที่ไกลตัวไม่รู้จักกัน หรือเป็นโปรไฟล์อวตาร ทำตัวลึกลับหลังคีย์บอร์ด คุณก็อาจจะไม่ต้องแคร์ก็ได้ แต่หากข้อความเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากคนใกล้ตัวของคุณล่ะ พ่อแม่ ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านายของคุณ คุณจะต้องมีปฏิกิริยากับความรู้สึกเหล่านี้อย่างไร
“คนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นมักไม่ตระหนักว่าตนเองกำลังวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอยู่ เพราะการกระทำของพวกเขาคือการสะท้อนปัญหาในตัวเขาที่มีต่อใครสักคนเท่านั้น และแน่นอนว่าการที่เราอยู่เงียบๆ มันไม่มีประโยชน์ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณยอมรับมัน และพวกเขายังคิดอีกว่ามันดีมากที่พวกเขาได้ช่วยเหลือคุณ” แอชลีย์ ทรอน (Ashley Thorn) นักจิตวิทยาเชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องชีวิตคู่และครอบครัวบำบัดในสหรัฐอเมริกา ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ซึ่งนั่นเป็นหนทางหนึ่งที่คุณอาจจะต้องทำความเข้าใจว่า บางทีเรื่องของคุณเอง กิจกรรมของคุณเอง ก็เป็นเรื่องของคนอื่นไปโดยปริยาย โดยที่คุณไม่ยินยอมด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์และสังคม คุณต้องทำความเข้าใจตรงนี้เสียก่อน
ความเท่ ใครนิยาม
ในชีวิตนี้เรามักเคยได้ยินคำว่า ‘ความเท่’ ที่เราต่างนิยามกันตามสื่อ หรือตามเพื่อนๆ รอบตัวที่มักจะมองกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้นที่คู่ควรกับคำว่า ‘เท่’ อย่างเช่น นักกีฬา นักแสดง หรือศิลปินหน้าตาสมัยนิยม ที่ต่างได้รับการชื่นชมในเรื่องของความมุ่งมั่น หน้าตา หรือภาพลักษณ์ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป แต่แท้จริงแล้ว เราควรทลายกรอบความเท่เหล่านั้นลงดีไหม ไม่ใช่เพียงแค่ภาพลักษณ์แบบเดียวที่จะสามารถได้รับคำว่าเท่ได้ เพราะทุกคนต่างมีความเท่ในแบบของตัวเองเสมอ ขอเพียงแค่คุณมุ่งมั่งทำในสิ่งที่คุณรักหรือชอบมันอย่างแท้จริง แค่นั้นคุณก็ดูเท่ในแบบของคุณเองแล้ว
ทำไปเถอะ ทำในสิ่งที่คุณรัก
สิ่งหนึ่งที่คุณควรมั่นใจไว้เสมอคือ หากคุณอยากจะทำอะไรสักอย่างที่คุณรู้สึกชอบ หรือรักมันอย่างมาก คุณควรพึงนึกไว้เสมอว่า ‘ไม่มีใครจะมาหยุดยั้งคุณได้’ เพราะความชอบเหล่านั้นคือเรื่องของคุณ และมีเพียงแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวคุณเองได้ อย่าให้ความคิดเห็นของคนอื่นมาทำลายความตั้งใจของคุณ หรือเปลี่ยนความคิดของคุณเพียงเพราะคำพูดของคนอื่น ทุกสิ่งที่คุณทำมันขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณมีและพลังงานที่คุณมีเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงยินยอมรับเฉพาะความจริงที่อยู่ตรงหน้าคุณ ไม่ว่าจะเป็นเกมที่คุณสนุกสนานไปกับมัน หรือไอดอลสาวคนโปรดที่คุณอยากจะไปเชียร์เธอทุกงาน นั่นคือความสุขและแรงใจในการใช้ชีวิตของคุณจริงๆ
ใช้ชีวิตอย่างไรให้ข้ามผ่านความคิดลบๆ
ไม่ได้จะมาทำตัวเป็น Life-Coaching แต่อย่างใด แต่การที่คุณจะสามารถก้าวข้ามผ่านความคิดลบๆ ที่คนอื่นมีต่อคุณได้เกี่ยวกับ ‘ความชอบส่วนบุคคล’ ประการแรกคือคุณจะต้องไม่จมลงไปกับคำพูดเหล่านั้น กล่าวคืออย่าปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นมีบทบาทกับความรู้สึกคุณ เช่น เมื่อเขาว่าคุณ คุณก็ว่าเขาตอบ หรือมีปากมีเสียงโต้ตอบ นั่นไม่ได้ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรอก เมื่อคุณจงใจจะให้อีกฝ่ายดูแย่จากคำพูดของคุณ เช่นเดียวกับที่เขาทำ – ปล่อยให้ผ่านไป
นอกจากนี้คุณควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณรัก หรือคนที่เข้าใจคุณให้มากขึ้น ถึงแม้ว่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์คุณเขาจะเป็นคนใกล้ตัว อย่างคนในครอบครัว หรือคนในที่ทำงาน คุณก็เพียงแค่โฟกัสสิ่งที่คุณทำ พอใจในสิ่งที่คุณจะทำเท่านั้น พอเขาเริ่มเบื่อจะวิจารณ์คุณ เขาก็หันเหไปหาเหยื่อทางอารมณ์คนใหม่แทน หรือการที่ใครสักคนเดินเข้ามาตราหน้าคุณว่า ‘ไร้สาระ’ ‘ปัญญาอ่อน’ หรือ ‘โง่’ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นอย่างที่เขาพูดสักหน่อย มันเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นหนึ่งที่ไม่ได้มีส่วนช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น อย่าเชื่อทุกคำดูถูกเหล่านั้น มันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกสูญเสียความมั่นใจในตนเองไป
คุณจงพึงพอใจในตัวเองอยู่เสมอว่า สิ่งที่คุณกระทำอยู่นั้นคือสิ่งที่คุณรัก คุณชอบอย่างแท้จริง จงมีความสุขไปกับมัน และต่อให้จะมีอีกกี่ร้อยคำดูถูก เย้ยหยัน หรือล้อเลียน สุดท้ายแล้วคุณก็เพียงแค่มุ่งทำในสิ่งที่คุณรักต่อไปก็เพียงพอแล้ว
เหมือนอย่างที่ AXE แบรนด์ผู้ชายที่เข้าใจผู้ชาย เชื่อมั่นเสมอว่า การทำตามความเชื่อของคุณ เป็นตัวของตัวเอง และเดินหน้าทำในสิ่งที่คุณชอบต่อไป นั่นแหละคือความเท่ที่สุดแล้ว โดย AXE ได้ถ่ายทอดข้อความนี้ไว้ในทุกๆ โฆษณาที่ผ่านมา รวมถึงภาพยนตร์โฆษณาชิ้นล่าสุดนี้ด้วย ที่แสดงให้เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เพียงแค่คุณทำตามความฝันหรือความชอบของตัวคุณเอง นั่นแหละคือความเท่ที่สุดแล้ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: