พ.ต.ท.ธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล หรือที่รู้จักในชื่อ ‘สารวัตรโอ๊ต’ เปิดเผยการตัดสินใจลาออกจากราชการตำรวจ โดยยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่รู้ดีถึง ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ แต่เห็นว่าเป็นหนทางเดียวในการเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจอย่างจริงจัง
เส้นทางชีวิตของเขาไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่ต้น ในช่วงเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ธีรวัตร์เคยเป็นหนึ่งในผู้ปฏิเสธการถูกบรรจุเป็น ‘ตำรวจราบ’ การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เขาต้องเผชิญบทลงโทษทางวินัยยาวนานถึง 9 เดือน ประสบการณ์นั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามต่อโครงสร้าง คำสั่ง และวัฒนธรรมอำนาจภายในองค์กรตำรวจ
สารวัตรโอ๊ตเล่าย้อนถึงความฝันตั้งแต่วัยเด็กว่า อยากเป็นตำรวจเพื่อทำหน้าที่ผู้ผดุงความยุติธรรมและผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เมื่อเติบโตและทำงานจริงกลับพบว่าองค์กรตำรวจกำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรง จนยากจะเปลี่ยนแปลงจากภายในได้
“การรับราชการตำรวจของผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตำรวจได้ เพราะตัวผมเองก็อยู่ภายใต้โครงสร้างที่บิดเบี้ยว และมีข้อจำกัดมากมาย” เขาระบุ พร้อมตั้งคำถามว่าหากหวังพึ่งให้ใครสักคนมาเข้าใจและแก้ไของค์กรด้วยความจริงใจ ก็ยังมองไม่เห็นทางออก
สารวัตรโอ๊ตอธิบายว่า วันนี้ตนยืนอยู่บนทางแยก ระหว่างการอดทนอยู่ในระบบต่อไป หรือการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง ภายใต้คำสอนเรื่อง ‘การเสียสละเพื่อประเทศชาติ’ ที่ได้รับมาตั้งแต่โรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ทำให้เขาเลือกสละอาชีพที่รัก เพื่อก้าวออกมาผลักดันการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก
“ตำรวจคือผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน ไม่ใช่นายประชาชน” เขาย้ำ พร้อมประกาศชัดว่า “ตอนนี้ผมออลอิน”
จากเอกสารหนังสือขอลาออกจากราชการ ระบุว่า พ.ต.ท.ธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล ดำรงตำแหน่งสารวัตร (สอบสวน) หัวหน้างานคดี สถานีตำรวจนครบาลสายไหม เริ่มรับราชการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560
เหตุผลการลาออกระบุชัดว่า เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยขอลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป และได้ยื่นหนังสือต่อผู้กำกับการ สน.สายไหม เพื่อพิจารณาตามขั้นตอน
การตัดสินใจครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสะท้อนความท้าทายขององค์กรตำรวจไทย และการเลือกใช้เส้นทางการเมืองเป็นเครื่องมือในการผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้างจากคนนอกระบบอย่างเต็มตัว
