วันนี้ (26 ธันวาคม) ที่พรรคประชาธิปัตย์ การดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 3 ของพรรค กล่าวถึงการตัดสินใจตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เป็นเพราะการทำงานที่ผ่านมา เราทำงานร่วมกันมานานแล้ว ที่สำคัญเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่รู้สึกว่าในภาวะแบบนี้ของประเทศ เราต้องทำอะไรสักอย่าง
การดีกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังอึดอัดมากกับภาวะที่ติดขัดไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของระดับประเทศ จริงๆ แล้วตนเองไม่ใช่คนการเมืองมาก่อน แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งหนึ่งที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเอาความรู้ และประสบการณ์ที่มี มาช่วยประเทศสักครั้งหนึ่งถือเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งต้องขอบคุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และ กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ที่ให้โอกาส
ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 คน เมื่อเทียบกับพรรคอื่นแล้วสู้ได้หรือไม่ การดีกล่าวว่า เราไม่ได้เทียบในลักษณะตัวบุคคล แต่มองว่าวันนี้ประเทศต้องการอะไร และเราเลือกในทักษะที่เรามี ก็จะเห็นว่าเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม และเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ที่เรามี สิ่งที่เราเคยทำและสำเร็จไปแล้ว ดังนั้นการที่เราทำเป็นจริงๆ จะช่วยได้
“ลองมองภาพดูพี่มาร์ค (อภิสิทธิ์) มีความเป็นผู้นำในระดับประเทศ และระดับสากล ในแนวคิดที่มุ่งมั่นชัดเจน ต้องการทำการเมืองโปร่งใสและสุจริต มีความเข้าใจเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องในประเทศ และต่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ขณะที่พี่กรณ์ มีฝีมือที่ชัดเจนสุดยอด เป็นรัฐมนตรีคลังระดับโลก และในภาวะที่เราตกต่ำในอดีต ตอนที่พี่กรณ์เป็นรัฐมนตรี ก็นำพาประเทศเติบโต GDP กว่า7% ในวันนี้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เทคโนโลยี ดิฉันก็น่าจะเป็นองค์ประกอบที่ขับเคลื่อนนำพาประเทศไปสู่เศรษฐกิจใหม่และโอกาสใหม่ในอนาคต ซึ่งจากนี้ไปก็ต้องช่วยกันเต็มที่ ทั้งการช่วยหาเสียง และการให้ข้อมูล การกำหนดและวิเคราะห์นโยบาย โดยจะร่วมลงพื้นที่หาเสียงกับผู้สมัครทุกคน” การดีกล่าว
ส่วนหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกที่คิดไว้จะทำอะไร การดีกล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นแค่แคนดิเดต ไม่อยากให้มองที่ตัวบุคคล อยากให้มององค์ประกอบที่เราเข้ามา และประสบการณ์ในการอาสาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สิ่งหนึ่งที่สนุกในการทำงาน คือเราไม่ได้โยนเรื่องแล้วมาวางอยู่โดดๆ แต่เรารู้จักและทำงานด้วยกันมานาน ว่าง่ายๆ เรามี DNA เหมือนกันในเรื่องความสุจริตและความตั้งใจ
สำหรับนโยบายที่เกี่ยวกับการแก้หนี้ให้ประชาชนที่เห็นเป็นรูปธรรมนั้น การดีกล่าวว่า ถ้ามองในระยะสั้นเราต้องไปทำความเข้าใจกับแต่ละกลุ่ม เพราะการแก้หนี้จะมีความต้องการไม่เหมือนกัน เช่นหนี้เกษตรกร หนี้ของคนทำงานออฟฟิศ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเข้าไปทำในเรื่องของวิธีการสร้างรายได้ใหม่ให้ได้มากและง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งลดต้นทุนการใช้ชีวิตให้มากที่สุด
“เพราะการตั้งเป้าของเราในวันนี้ในการทำนโยบาย ไม่ใช่ว่าเราอยากทำอะไรเท่านั้น แต่เราไปทำความเข้าใจว่า Pain Point ของประชาชนคืออะไร โดยเรากำลังผลักดันนโยบายที่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก เราต้องการจะนำพาประเทศไปสู่จุดที่เคยรุ่งเรืองและพาโอกาสใหม่ให้ได้อย่างยั่งยืน” การดีระบุ
