วันนี้ (25 ธันวาคม) เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทยกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกกระทรวงอุตสาหกรรม และปลัดกระทรวงทั้ง 4 กระทรวงเข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายว่า ต้องขอบคุณธนกร และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่กรุณารับนโยบายที่ตนมอบให้ด้วยความรวดเร็ว โดยตนได้พบและหารือกับทั้งสองท่านเมื่อ 2–3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้พูดคุยกันถึงมาตรการตั้งแต่ต้นปีในการเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการเผาพืชผลทางการเกษตร ที่เป็นปัจจัยเพิ่มมลภาวะในหลายจังหวัด โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งมีสภาพความกดอากาศที่เลวร้ายอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งสำคัญคือการไม่เพิ่มมลภาวะให้มากขึ้น โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชน โดยได้เรียนปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ในปีที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการอย่างเต็มที่ ใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมการเผาซากพืชไร่ต่างๆ ซึ่งแม้จะควบคุมไม่ได้ทั้งหมด แต่จากข้อมูลบันทึกต่างๆ พบว่าปริมาณการเผาลดลงอย่างชัดเจน
จากผลดังกล่าว จึงได้แจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จนนำไปสู่การประชุมในวันเดียวกันนี้ โดยตนและธนกรมาร่วมงานในฐานะพยาน ในการที่ปลัดทั้ง 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จะร่วมกันจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องทั้งมลภาวะ นโยบายสีเขียวของรัฐบาล และที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพของประชาชน จึงขอให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมาร่วมงาน เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่ายอย่างเต็มที่
“ผมเห็นความตั้งใจในการทำงานของทุกท่าน ตามสโลแกนอากาศดีตลอดปีใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องพลัสอยู่แล้ว สิ่งที่เราทำไป ทำด้วยความมั่นใจ ดังนั้นปีนี้เราต้องพลัส เพิ่มศักยภาพของทุกกระทรวง อาจต้องเพิ่มสมาชิกในเอ็มโอยู เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หวังว่าเนื้อหาในเอ็มโอยูจะนำไปสู่การปฏิบัติจริงและดำเนินการได้ทันที เพื่อให้อากาศดีตลอดปีใหม่ และหวังว่าอากาศดีจะต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่ไทยและปีใหม่จีน หากผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น โดยช่วง 2–3 เดือนแรกถือเป็นช่วงสำคัญที่ต้องควบคุมแรงกดดันด้านสภาพอากาศให้ได้มากที่สุด พร้อมขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแรงจูงใจของภาครัฐต่อชาวไร่และโรงงาน เพื่อผลักดันให้การเผาลดลงจนถึงศูนย์เปอร์เซ็นต์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากพี่น้องชาวไร่อ้อยและเกษตรกรให้ความร่วมมือในระดับนี้ ต้องขอกราบขอบพระคุณอย่างยิ่ง ถือเป็นกำลังใจสำคัญ
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ประชาชนชาวไทยทุกคนจะรู้สึกขอบคุณเกษตรกรที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ในการนำสภาพแวดล้อมและอากาศที่ดี กลับคืนมาให้กับคนไทยและประเทศไทย
