วันนี้ (18 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่า จะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ส่วนไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เป็นลำดับที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามกติกาสากลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยจะพยายามส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ครบทั้ง 3 คน ส่วนจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้เมื่อใดนั้น อนุทิน ไม่ได้ตอบแต่ระบุว่า สื่อถามจนคนเขากลัวไปหมดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า รายชื่อที่เปิดมาก่อนหน้านี้ ทั้ง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผวาไปแล้วใช่ไหม อนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ตนก็ผวา อย่างไรก็ตาม ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็ต้องมีคนมาทำหน้าที่ แต่ยังไงหัวหน้าพรรคก็ต้องเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งอยู่แล้ว อีก 2 ท่านเรากำลังคุย
ส่วนแคนดิเดตอีก 2 คน จะมีเซอร์ไพรส์นอกเหนือจากรายชื่อเดิม 2 ชื่อ ที่เคยเสนอชื่อหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ไม่น่าจะมีแล้ว ตนเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย ก็มีวิธีการบริหารจัดการทุกอย่างให้ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไร ที่บอกว่าจะต้องส่ง 1 คน 2 คน หรือ 3 คน ขอให้มีนายกรัฐมนตรีเป็นที่ชัดเจน เราก็เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง มันมีหลายองค์ประกอบ บุคลากรด้วยไม่ใช่เฉพาะนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว แต่บุคลากรที่จะมาเป็นสส. หลายอย่างด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเปลี่ยนตัวกลางคันตามรายชื่อที่เคยบอกไว้หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้ประกาศเลย จะเปลี่ยนตัวตรงไหน รายชื่อผู้สื่อข่าวก็ไปเอามาจากใครก็ไม่รู้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เอาให้ชัดได้หรือไม่ว่าจะประกาศได้วันใด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อนุทินไงชัดที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าบ้านใหญ่เข้ามาเยอะในพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีปัญหาในเรื่องพื้นที่ใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ไม่เคยมี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจัดการได้ใช่ไหม อนุทิน ตอบว่า มันไม่ต้องจัดการอะไร ทุกอย่างที่เข้ามา มันเป็นการเข้ามาและพูดคุยกันดูความแข็งแรงในนโยบายของพรรค ความแข็งแรงของผู้สมัครในพื้นที่ ถ้าลงไปแล้วเป็นพลังบวก ขึ้นมาเราก็เป็นไปตามนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการรวมกัน เป็นพลังบวก เป็นพรรคใหญ่ขึ้นจะมีการต่อรองที่สูงขึ้น มั่นใจหรือไม่ว่าจะคุมพรรคให้เป็นเอกภาพได้เหมือนในอดีต อนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ใช้คำว่าต่อรองในพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครมาต่อรอง พร้อมทั้งยอมรับว่าจะนำเอา เอกนิติ มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทย อยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการประเมินตัวเลขที่นั่ง สส. ไว้อย่างไร อนุทินกล่าวว่า ตนมักจะไม่พูดอะไรที่เราต้องไปพึ่งให้พี่น้องประชาชนตัดสิน ถ้าไปพูดก่อนก็เท่ากับว่าไม่เคารพเสียงพี่น้องประชาชน พรรคการเมืองต้องเคารพเสียงพี่น้องประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการเลือกช้อปปิ้งนักการเมืองเข้าพรรคภูมิใจไทยจะโดนใจประชาชน เลือกช้อปปิ้งตัวบุคคลที่เด็ดๆเข้ามานั้นจะถูกใจประชาชนอนุทิน ที่ไม่ตอบ ตอบเพียงว่า Have A Good Afternoon
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ไม่สามารถทำประชามติเกี่ยวกับการยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 แล้ว พรรคภูมิใจไทยจะทำเป็นนโยบายหาเสียงในเรื่องนี้แทนหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะพรรคชัดเจนเรื่องนี้อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จีน จะส่งทูตพิเศษเยือนไทยกับกัมพูชาในวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งการปะทะชายแดน 2 ประเทศ ได้รับการประสานแล้วหรือไม่ว่า สำหรับตนยังไม่มี ซึ่งเขาอาจจะมีการติดต่อในช่องทางการทูต ซึ่งตนยังไม่ได้ทราบในเรื่องดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จีนจะมาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ใช่
เมื่อผู้สื่อข่าวจุดยืนของไทยเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้าใครจะพูดก็ให้ไปพูดว่าให้ทางกัมพูชาหยุดยิงเราเถอะ หยุดทำร้ายประเทศไทย ประเทศไทยไม่เคยทำอะไรเขาก่อน มีแต่เพียงการปกป้อง และตอบโต้ ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ว่าไทยไปรุกรานประเทศเพื่อนบ้านรอบทิศ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่อันวาร์ อิมราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เผย เตรียมใช้เวทีประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ อาเซียน นัดพิเศษ 22 ธ.ค.นี้ เปิดเจรจาหยุดยิงชายแดนไทย – กัมพูชา รอบใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาไม่ได้ใช้ เป็นเพียงการเชิญรัฐมนตรีของอาเซียนไปประชุม
ก่อนหน้านี้ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า จะไม่ไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่จะไปกรุงจาการ์ตา แต่อันวาร์ โทรกลับมาบอกว่าให้กลับไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพราะเรื่องเจรจาเริ่มที่นั่นหลายครั้งแล้ว ซึ่งตนก็ยินยอม และไม่มีปัญหา พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีเหตุมีผล ตราบใดที่ประเทศไทยไม่เสียประโยชน์
ส่วนบทสรุปจะกลายเป็นเจรจาและกลับไปปะทะกันอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า ประเทศไทยหรือไม่ เรามี 4 ข้อที่ได้ลงนามกันไว้ และประเทศไทยก็ดำเนินการทุกอย่าง
“ถอนทหาร ถอนอาวุธ ถอนทุ่นระเบิด เราทำ ปราบสแกมเมอร์เราทำหนักเลย กลับไปที่กัมพูชา ถอนหรือเปล่า ถอนปิ๊บๆ ถอนคน แต่อาวุธยังอยู่ ไม่ทำเท่าประเทศไทย ทุ่นระเบิดจัดการให้มันระเบิด ไม่ได้จัดการถอน สแกมเมอร์ไม่ได้ทำเลย ประเทศไทยต้องทำทุกอย่าง บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ก็ไม่ร่วมบริหารจัดการ แล้วคนที่อยากให้เจรจากันควรจะไปบอกใคร ระหว่างคนตีกับคนถูกตี” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ไม่สามารถบอกได้หรือไม่ว่าสถานการณ์จะจบลงเมื่อใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรารักษาอธิปไตย เกียรติภูมิ แผ่นดิน ความปลอดภัยของประชาชน เรายังทำแค่นี้อยู่ ยังไม่มีเป้าหมายอื่น


