วานนี้ (15 ธันวาคม) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ในสถานการณ์ภัยพิบัติเวลา คือปัจจัยชี้ขาด แต่ความเร็วเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การสื่อสารและการแจ้งเตือนภัยจากภาครัฐต้องมาพร้อมความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้สถานการณ์ เตรียมพร้อม และป้องกันตนเองได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
ประเด็นดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลเตือนภัยฉุกเฉินด้วยกลไกที่ตรวจสอบความถูกต้องได้ พร้อมส่งต่อข้อมูลผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงง่าย รองรับการสื่อสารจากภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ระบบเตือนภัยมีความครอบคลุมและพร้อมใช้งานทั่วประเทศ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการต่อยอดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่จำเป็นจากภาครัฐอย่างทันท่วงที และสามารถยืนยันความปลอดภัยของตนเองเมื่อเผชิญเหตุภัยพิบัติ ผ่านฟีเจอร์ “Safety Check” บนแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งช่วยยกระดับระบบสื่อสารสาธารณภัยของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้านร้อยตำรวจตรีสัณฐิติ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ปภ.เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีบทบาทตั้งแต่การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การกระจายข่าว การติดตามภาวะคุกคามและความรุนแรงของสาธารณภัย ตลอดจนการสิ้นสุดการเตือนภัย และการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาธารณภัยผ่านช่องทางต่าง ๆ
ปภ.ยังทำหน้าที่รวบรวม ตรวจสอบ ยืนยัน และเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และประกาศอย่างเป็นทางการในทุกระดับ เพื่อให้ภาคีความร่วมมือใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักในการสื่อสารสู่ประชาชน พร้อมให้คำแนะนำด้านเนื้อหาและภาษาสื่อสาร เพื่อให้ข้อมูลเข้าใจง่าย เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมถึงสนับสนุนการฝึกซ้อมและการประเมินผลการสื่อสารในภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง
สุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กสทช.มีบทบาทสำคัญในการบูรณาการระบบสื่อสารและโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมีประสิทธิภาพสูงสุด เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง และทำงานได้อย่างเหมาะสมในภาวะฉุกเฉิน
ธนัญชัย วรรณสุข รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เหตุการณ์ด้านมลพิษและอุบัติภัยด้านมลพิษจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลา เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้อย่างเหมาะสม โดย คพ.จะสนับสนุนข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และร่วมพัฒนากลไกการเชื่อมโยงข้อมูล การเผยแพร่ข่าวสาร รวมถึงการเตรียมความพร้อมและประเมินผลการสื่อสารในภาวะวิกฤต
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.) กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีภารกิจสำคัญ 2 ประการ คือ การทำให้ข้อมูลโปร่งใสและถึงมือประชาชนทันที เพราะ “ข้อมูลคือชีวิต” และการประสานงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ โดย กทม.จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดทำ เผยแพร่ และประสานข้อมูลภัยพิบัติ เชื่อมต่อเข้าสู่ฟีเจอร์ “Safety Check” เพื่อให้ข้อมูลที่ประชาชนได้รับมีความถูกต้องและทันเวลา
นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) กล่าวว่า LINE ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนการยกระดับการสื่อสารภาวะฉุกเฉินของภาครัฐผ่านฟีเจอร์ “Safety Check” เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และครอบคลุม พร้อมช่วยยืนยันความปลอดภัยของตนเอง รวมถึงลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนในช่วงวิกฤต
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับระบบสื่อสารสาธารณภัยของประเทศ ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลจากภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ผ่านช่องทางดิจิทัลที่ใช้งานได้จริง โดยฟีเจอร์ “Safety Check” บนแอปพลิเคชัน LINE จะเปิดให้ใช้งานเร็วๆ นี้ และแนะนำให้ผู้ใช้ LINE อัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อรองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
