เป็นไปตามเป้าหมายสำหรับเหรียญทองเทควันโด รุ่น 68 กก.ชาย ที่ หยู-บัลลังก์ ทับทิมแดง แชมป์โลกคนล่าสุด เก็บเข้าคอลเล็กชันความสำเร็จส่วนตัวได้เพิ่มอีกหนึ่งรายการ
แต่สิ่งที่เราให้ความสนใจมากกว่านั้น นั่นก็คือเขาจะลงสนามด้วยแนวคิดอย่างไร เพราะนี่คือซีเกมส์ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคที่มีเพียงไม่กี่ประเทศร่วมแข่งขัน แต่ฝีมือรวมถึงถ้วยรางวัลความสำเร็จที่เขาเคยกวาดมาได้นั้น มันยิ่งใหญ่เกินกว่าซีเกมส์ไปมากแล้ว
หยูลงแข่งซีเกมส์ครั้งแรกในฐานะแชมป์โลก และ แชมป์เอเชียนเกมส์ แถมยังเคยสัมผัสประสบการณ์มหกรรมโอลิมปิกเกมส์มาก่อน แต่จากที่เราได้เฝ้าติดตามผลงานผ่านจอทีวีในรอบแรก และเข้าไปชมสดแบบติดขอบสนามตั้งแต่รอบรองฯ จนถึงรอบชิงฯ ก็ได้พบคำตอบที่ชัดเจนว่า ความทุ่มเทเต็มร้อยในทุกการแข่งขัน คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันเด็กหนุ่มวัย 19 ปี สู่ความสำเร็จบนเวทีระดับโลก
“จริงๆ ผมผ่านเวทีที่ใหญ่กว่านี้มาแล้ว แต่ก็ไม่เคยประมาทคู่แข่งเลยครับ” เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์รุ่น 68 กก.ชาย ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขัน
เพียงแค่ประโยคแรกที่กล่าวออกมา เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า นอกจากความสามารถจะจัดอยู่ในระดับสูงแล้ว ทัศนคติก็ยังยอดเยี่ยมเฉียบแหลมไม่แพ้กัน สอดคล้องกับผลงานบนเวที ซึ่งวันนี้ไม่มีจังหวะไหนเลย ที่เขาปล่อยให้คู่แข่งเข้ามาทำแต้มได้ง่ายๆ หรือพยายามจะโชว์ท่ายากเพื่อเรียกเสียงเชียร์จากคนดูในสนาม บางช่วงบางตอนอาจจะมีสกอร์ที่ตามหลังบ้าง แต่ก็กลับมาได้แบบสบายๆ
“คู่แข่งทุกคนในอาเซียนพัฒนาขึ้นมาก และเป็นซีเกมส์ครั้งแรกซึ่งได้เล่นในบ้านด้วย ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก แต่ก็พยายามโฟกัสที่เกมจนทำสำเร็จ”
เก่งก็ว่าแกร่งแล้ว แต่ไม่ประมาทยิ่งแกร่งกว่าสองแรงบวกที่ผลักดันเขาให้ขึ้นไปยืนบนอยู่เส้นชัยครั้งแล้วครั้งเล่า และ นับจากวันนี้ไป หยู-บัลลังก์ ถูกยกให้เป็นความหวังใหม่ของเทควันโดไทยเป็นที่เรียบร้อย
หยูกล่าวในช่วงท้ายว่า “จริงๆ ไม่เคยมองเรื่องนี้เลยครับ แต่ถ้าถามว่าอยากเป็นความหวังของทีมหรือไม่ ก็อยากเป็น เพราะคนที่เป็นความหวังคือคนที่จะคว้าเหรียญทองให้ทีมในทุกรายการ อยากเป็นเพราะอยากได้เหรียญทองโอลิมปิก
“จริงๆ ผมมีพี่นิส (เทนนิส-พาณิภัค) เป็นไอดอล เขาคว้าแชมป์มาแล้วทุกรายการ เป็นตำนานของทีม ก็อยากเดินตามรอย ไม่มองว่าเป็นแทน ไม่มองว่าเป็นความกดดัน แต่ผมมองว่ามันคือแรงกระตุ้นที่อยากจะยกระดับผลงานและทำเต็มที่ในทุกแมตช์”


