วันนี้ (12 ธันวาคม) เวลา 10.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจยุบสภาว่า ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน ตนและพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลได้ เพราะพรรคประชาชนให้มาเป็น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็พยายามทำมาตลอด และในสัญญาที่มีต่อกันในเอ็มโอเอทั้ง 4-5 ข้อ พรรคภูมิใจไทยก็ปฏิบัติมาตลอด แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา 256/28 เกี่ยวกับอำนาจ สว.ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยมีการพูดกันในเอ็มโอเอมาก่อน แต่เมื่อหัวหน้าพรรคประชาชนแถลงในรัฐสภาว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่ต้องการ พรรคประชาชนก็จะไม่สนับสนุน และขอให้นายกฯยุบสภา
“ท่านโหวตให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านบอกว่าไม่สนับสนุนผมแล้ว ท่านขอให้ผมยุบสภาผมก็ทำตามท่าน เป็นไปตามมารยาท และขั้นตอนที่ควรจะเป็น” อนุทิน กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนถึงจุดนี้ได้เจรจากับพรรคประชาชนแล้วหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่ามีการพูดคุย และประสานกัน ซึ่งคนที่ประสานงานหลัก คือ ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ตัดสินใจยุบสภามาจากการที่พรรคประชาชนเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าชัดเจนที่ท่านต้องการให้ยุบสภา ตนก็ยุบ เพราะท่านให้ตนมาเป็นรัฐบาล ตนก็ให้เกียรติท่าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นยุบสภาเป็นการยื่นก่อนที่พรรคประชาชนจะมีท่าทีในการเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำทุกอย่างแล้ว มาจนถึงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้มีการโหวตในวาระ 1 และวาระ 2 แต่มาติดที่มาตรา 256/28 ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่มีความสามารถที่จะไปกดดันหรือบังคับโน้มน้าวสว. ตามที่พรรคประชาชนต้องการได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนการคงอำนาจ สว.ไว้ ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นการหักหลังทางการเมืองหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ไม่มีการหักหลังใดๆ ให้ไปดูเอ็มโอเอว่าเขียนว่าอย่างไร ซึ่งเอ็มโอเอไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสว.เลย แต่เป็นข้อตกลงที่พรรคภูมิใจไทยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อตกลงที่จะไม่มีการเพิ่มจำนวนสส. และไม่พยายามเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นบริบททางการเมืองที่เราสามารถทำได้ แต่เราก็ไม่ทำ ซึ่งการขอให้มีมติเกี่ยวกับคำถามแก้รัฐธรรมนูญเราก็ทำให้ หากส่งมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตนได้หารือกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ท่านก็บอกว่าสามารถที่จะกำหนดวันทำประชามติได้ โดยอำนาจคณะรัฐมนตรีที่ยังรักษาการอยู่ ตนก็ทำให้ รักษาเงื่อนไขตามเอ็มโอเอ พร้อมย้ำว่าไม่มีการหักหลังใดๆทั้งสิ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตยังจับมือกับพรรคประชาชนได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ส่วนการยุบสภาครั้งนี้มีการเตรียมการมาล่วงหน้าหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ถ้าถามเรื่องการเตรียมร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา ตนได้เตรียมไว้แต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรี แค่เปลี่ยนเดือนมาแค่สองเดือนเท่านั้นเอง เราต้องยอมรับสภาพว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เข้ามาเพื่อจัดการปัญหาบ้านเมืองที่ติดขัดค้างคาให้ผ่านพ้นไปได้ เช่น การเจรจาทางการค้า การยอมรับจากนานาชาติ การนำประเทศไทยกลับสู่เวทีโลก เรื่องความมั่นคงก็ทำให้เป็นปึกแผ่น การจัดระเบียบข้าราชการให้บริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง ถึงจุดหนึ่งเมื่อคนที่เขานำเราเข้ามา บอกให้เราทำแค่นี้ เราก็คืนอำนาจให้ประชาชน
นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงการต่อสายถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ใช่ ในคืนนี้เวลา 21:20 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนแนวโน้มในการพูดคุย เป็นเพียงการซักถาม และอัปเดตสถานการณ์ ซึ่งล่าสุด ที่ตนเองได้พูดคุยระหว่างการตามเสด็จฯ ที่ประเทศจีน ระยะเวลาผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ก็คงต้องมีการอัปเดตดกันส่วนการตัดสินใจต่างๆ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่จะสนับสนุนและมอบอำนาจให้กองทัพไทยไปดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ความมั่นใจของประชาชนหลังยุบสภาแล้วโดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา สถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่นั้น อนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลรักษาการมีอำนาจเต็ม มีเพียงข้อยกเว้นบางประการ หากมีความจำเป็นต้องใช้ข้อยกเว้นก็ต้อง ไปขอสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนก็ไม่มีปัญหา ซึ่งหากยึดตามไทม์ไลน์แล้ว ในระยะเวลา 60 วันอาจไม่ได้ตรงเป๊ะ หากตรงกับวันอาทิตย์วันไหนก็วันนั้น และการรับรองผลการเลือกตั้งก็ใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน และตั้งคณะรัฐมนตรีอีก 1 เดือน รัฐบาลทุกรัฐบาลก็จะหมดวาระหลังจากที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ หากนับเวลาแล้วใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ชายแดนจะยุติ ก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เราต้องทำให้ได้ ส่วนการปกป้องอธิปไตยทหารก็ทำอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของกัมพูชา ที่สั่งให้หยุดยิงหลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา อนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ได้รับรายงาน โดยช่วงเที่ยงของวันนี้ตนจะเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพไทย เนื่องจากในคืนนี้ตนจะต้องพูดคุยกับอันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยจะเดินทางไปฟังสรุปและการดำเนินการของกองทัพไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากสถานการณ์ชายแดนนั้น จะสามารถเลือกตั้งได้ทั้งประเทศหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ กกต.ในการเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น เรายังมีสถานะเป็นรัฐบาลอยู่ตามรัฐธรรมนูญ และยังมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกวันอังคารโดยในวันที่ 23 ธันวาคม จะมีการประชุม ครม.สัญจรที่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้เกิดความมั่นใจและเห็นความสำคัญของการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ การเยียวยาในพื้นที่ จังหวัดสงขลา เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและโอกาสอีกมากมายรัฐบาลยังคงทำหน้าที่ตามปกติเพียงแค่ไม่มีสภาจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าถวายสัตย์ฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีว่าได้รับรายงาน เรื่องด่านปอยเปตกักคนไทยไม่ปล่อยเข้ามาในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้รับรายงาน ส่วนแนวทางจะนำกลับมาอย่างไร ทางหน่วยงานความมั่นคงดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรกับกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลไทยอาจจะสมรู้ร่วมคิดเพราะเมื่อวานมีการยุบสภาและกัมพูชามีการหยุดยิง อนุทินกล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ผมยุบสภา เพราะหัวหน้าพรรคประชาชนบอกให้ยุบ ผมก็ยุบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีประเมินความแตกต่างอย่างไรระหว่างการยุบสภาวันนี้กับ ไปยุบสภาวันที่ 31 มกราคม 2569 อนุทิน กล่าวว่ามันไม่แตกต่างกัน รัฐบาลเสียงข้างน้อยทำงานได้ครบ และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีการต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ประเทศกำลังมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน การยุบสภา จะทำให้มีความต่อเนื่อง เพราะยังเป็นรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดิน สามารถดำเนินการในการรักษาความสงบ รักษาอธิปไตยได้ด้วยความต่อเนื่อง ทีมเดียวกันคนเดียวกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มาถึงนาทีนี้แล้ว มีอะไรที่อยากบอกกับประชาชนมากที่สุด อนุทินกล่าวว่า ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ด้วยอำนาจบริหารในการบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่ ตามรัฐธรรมนูญ ขอให้ความมั่นใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยุบสภาแล้ว อำนาจในการทำประชามติถามประชาชนเกี่ยวกับการยกเลิก MOU 43 และ 44 ครม.สามารถทำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เดี๋ยวคงหารือกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงว่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไร ถึงจะได้มีโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จริงๆ เป็นนโยบายที่ได้ดำเนินการ และพูดกันไว้หมดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีให้เบน สมิธ ยืมเครื่องบินส่วนตัว ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีหันมาฟังคำถาม แต่ไม่ได้ตอบ จากนั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า และนำคณะรัฐมนตรีและข้าราชการขึ้นไปสักการะองค์นรสิงห์บนตึกไทยคู่ฟ้า
