วันนี้ (4 ธันวาคม) พายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีพิธีเปิดซีเกมส์ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพอีกครั้งหลังจากที่ไทยไม่ได้เป็นเจ้าภาพมาร่วม 18 ปี เท่ากับว่าเยาวชนเจนปัจจุบันยังไม่เคยมีโอกาสได้ชมการแข่งขันซีเกมส์ในประเทศไทย แทนที่เราจะใช้โอกาสนี้สร้างความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจหลากหลายด้านให้กับพวกเขา
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม แทนที่รัฐบาลจะสานต่อการเตรียมงานจากรัฐบาลเพื่อไทยที่วางรากฐานไว้แล้ว กลับมีการรื้อและเปลี่ยนแปลงแทบทั้งหมดโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ผลลัพธ์คือสิ่งที่เราเห็นในตอนนี้ กระแสดราม่ามากมายที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ เช่น ไฟสนามไม่พร้อม ความผิดพลาดของระบบตั๋วที่นั่ง อุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน การว่าจ้างไม่สมราคา ความไม่ชัดเจนเรื่องการอนุญาตใช้โลโก้งาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นไม่ได้เพื่อทำให้งานดีขึ้นเลย แต่กลับสะท้อนการบริหารจัดการที่ล้มเหลว” พายุกล่าว
พายุระบุว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องสุดวิสัยของงานใหญ่ระดับนานาชาติ แต่เกิดจากความสะเพร่าและขาดความเป็นมืออาชีพของผู้รับผิดชอบจัดงาน หากรัฐบาลเลือกใช้บุคลากรที่มีประสบการณ์จริงตั้งแต่ต้น ปัญหาส่วนใหญ่คงไม่เกิดขึ้น
พายุย้ำว่า รัฐบาลควรหันมาแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องภายในประเทศเท่านั้น แต่ประชาคมโลกกำลังจับตามอง หากปล่อยให้ความผิดพลาดดำเนินไปจนถึงพิธีปิด ซึ่งกว่าจะถึงพิธีปิดซีเกมส์ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะได้เห็นอะไรอีก ที่ใบบัวของพวกท่านไม่สามารถปิดให้มิดได้
พายุกล่าวด้วยว่า “ซีเกมส์ครั้งนี้คือเวทีของชาติ ไม่ใช่ของรัฐบาลชุดใดชุดหนึ่ง ถ้าจะแก้ ก็ยังทัน แต่ต้องเริ่มวันนี้ ไม่ใช่หลังพิธีปิดเพราะจากนี้ไป โลกกำลังจับตามองว่าไทยจะพลิกสถานการณ์ หรือปล่อยให้ประเทศกลายเป็นเจ้าภาพตัวตลกสายชุ่ยในสายตาภูมิภาคจริงๆ”
เมื่อถามว่า งบฯ เต็มในการจัดแข่งขันซีเกมส์จำนวน 2,000 กว่าล้านบาท แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ คนปัจจุบันบอกว่า เพิ่งได้รับอนุมัติเงินมา 450 ล้านบาท จึงทำให้การจ่ายเงินล่าช้า ทำให้ตั้งข้อสังเกตถึงรัฐบาลเดิมว่า ได้มีการอนุมัติงบฯ มาก่อนหรือไม่ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า มีการเตรียมงบประมาณไว้แล้วอย่างเพียงพอ ซึ่งเดิมทีตั้งใจว่า จะจัดที่สนามหลวงแต่เพื่อความปลอดภัย จึงย้ายมาใช้ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลกลับมีปัญหา เข้าใจว่าหน้างานอาจจะมีการทำงานติดขัด เนื่องจากมีการย้ายสถานที่จากจังหวัดสงขลา มาที่กรุงเทพมหานครและชลบุรี ซึ่งก็เห็นใจรัฐบาล แต่ภาพที่ออกมามันแย่กว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับการจัดมหกรรมนานาชาติได้
