วันนี้ (4 ธันวาคม) สิริพงศ์ อังคสกุล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขการฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) แถลงภายหลังการประชุม ศป.กฉ. ประจำวัน
สิริพงศ์ กล่าวถึงการเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ขอแจ้งให้ทราบว่ากรณีสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ การช่วยเหลือเยียวยาจำนวนเงิน 2 ล้านบาท สำหรับผู้เสียชีวิต ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติว่าการจัดหางบประมาณในส่วนนี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1 ล้านบาท เป็นงบกลาง และอีก 1 ล้านบาท เป็นงบจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจำนวนเงินก็ได้ทำการโอนไปที่จังหวัดเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการพิจารณาเยียวยาผู้เสียชีวิตได้มีมติเพิ่มเติมอีก 8 จังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้อนุมัติในจังหวัดสงขลาไปแล้ว โดย 8 จังหวัดประกอบด้วย ตรัง, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี (ไม่มีผู้เสียชีวิต) ซึ่งแต่ละจังหวัดจะต้องมีการตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธาน และเป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยา
อย่างไรก็ตาม มีการให้คำจำกัดความ ‘การเสียชีวิตในครั้งนี้’ คือ 1. การจมน้ำเสียชีวิต 2. การเสียชีวิตในที่พักอาศัย หรือโรงพยาบาลที่ถูกน้ำท่วมขัง หรือล้อมรอบ 3. เสียชีวิตระหว่างเคลื่อนย้าย หรืออพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมไปยังโรงพยาบาล หรือศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือสถานที่ปลอดภัย โดยมีกรอบระยะเวลาวันที่ 22-27 พฤศจิกายน เป็นเงื่อนไขในการพิจารณา
สำหรับผู้เสียชีวิต มีเอกสารที่ต้องใช้ คือ 1. ใบมรณบัตร 2. ใบรายงานคดี 3. คำวินิจฉัยแพทย์ ในกรณีที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และจำเป็นที่จะต้องมีการสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ก็ต้องมีใบ ปภ.14 ในการวินิจฉัยตีความ และต้องมีการยืนยันตัวตนจากทายาทโดยธรรม ที่เป็นผู้รับเงินเยียวยา
สิริพงศ์ ยังได้กล่าวขอบคุณจุฬาราชมนตรี ที่ได้กรุณาช่วยเหลือกรณีผู้เสียชีวิตชาวมุสลิม ที่ต้องดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง ตามหลักศาสนา โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการมุสลิมในแต่ละอำเภอเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาแต่ละกรณี และมีแพทย์มุสลิมในการสังเกตการณ์แต่ละประเด็น
ด้าน รัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขการฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) กล่าวว่า ขณะที่จํานวนการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 3 วันที่ผ่านมา (1-3 ธันวาคม) มีจำนวน 186,330 ครัวเรือน จำนวน 1,676,970,000 บาท และในวันนี้ (4 ธันวาคม) จะมีการโอนเงินให้กับ 368,099 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงิน 3,312,891,000 บาท ซึ่งพบว่าปัญหาในวันนี้ยังเป็นเรื่องของระบบอินเทอร์เน็ต โดย กสทช. ได้กู้เสาอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทําให้การลงทะเบียนออนไลน์และออนไซต์เพื่อขอรับเงินเยียวยาสามารถทําได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในเรื่องของระบบน้ำประปาและไฟฟ้าในพื้นที่อําเภอหาดใหญ่สามารถใช้การได้ 100% แต่ยังพบมีท่อแตกในปลายทางบางส่วน ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคยืนยันได้ดําเนินการแก้ไขตลอดทั้งวันทั้งคืนแล้ว และมีประชาชนที่ยังไม่ได้รับการจ่ายไฟฟ้าอีกประมาณ 3,400 กว่าครัวเรือน ส่วนสัญญาณอินเทอร์เน็ตเริ่มกระจายในทุกพื้นที่แล้ว
สําหรับการจัดการขยะทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดการอย่างเต็มที่ตามแผนที่มีการกระจายในพื้นที่อําเภอหาดใหญ่ โดยดําเนินการเผาขยะที่โรงกำจัดขยะเกาะแต้ว และจะนําเทคโนโลยีเข้ามาคํานวณการเผาขยะ เพื่อส่งต่อไปยังปลายทาง ซึ่งในภาพรวมก็สามารถทําได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ตามซอกซอยยังคงมีปัญหา ลดขยะไม่มากพอ จึงได้ระดมกําลังรถขยะขนาดเล็กเข้าไปในพื้นที่
ส่วนการเคลื่อนย้ายรถที่กีดขวางจราจร ได้ดําเนินการ 100% แล้ว โดยเฉพาะในเส้นทางคมนาคมสายหลัก ซึ่งนํารถไปจอดในจุดที่ได้มีการประสานไว้ อาทิ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ขอให้ประชาชนสบายใจว่ารถของท่านจะถูกนําไปไว้ในจุดที่ปลอดภัยและมีการติดตาม เพื่อแจ้งให้ทราบว่ารถของท่านจอดอยู่ที่ใด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องสุขภาพ แม้ในพื้นที่จังหวัดสงขลาจะเข้าสู่ระบบการฟื้นฟู แต่ยังมีเรื่องของโรคติดต่อ อาทิ ไข้หวัดใหญ่ อุจจาระร่วง โรคฉี่หนู และโรคไข้เลือดออก รวมถึงสุขภาพจิต ซึ่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ได้เปิดให้บริการแล้ว พบว่าสามารถรองรับผู้ป่วยได้เต็มศักยภาพอยู่ที่ 912 เตียง แต่วันนี้สามารถให้บริการได้เพียง 169 เตียง ซึ่งโรงพยาบาลจะสามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพใน 5-8 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการเจ็บป่วยสามารถไปที่โรงพยาบาลสนามทั้ง 10 แห่งได้ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 320 เตียง
สิริพงศ์ ยังกล่าวเสริมถึงสถานการณ์ผู้ป่วยจากน้ำท่วมว่า กระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่ใช่โรคระบาด
สำหรับในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคมนี้ คณะนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับน้ำ จะลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์ที่อาจจะมีพายุฝนเข้ามาในสัปดาห์หน้า เพื่อเป็นการเฝ้าระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย


