วันนี้ (3 ธันวาคม) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2569 อยู่ที่หน่วยละ 3.88 บาทว่า หากต้องการจะช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนจริงๆ แล้ว ค่าไฟฟ้าสามารถปรับลดลงได้มากกว่านี้ และควรอยู่ที่ประมาณหน่วยละ 3.71 บาท
พีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ตนได้ย้ำมาตลอดว่า ในปี 2569 ค่าไฟฟ้าควรอยู่ที่ประมาณหน่วยละ 3.70 บาท สาเหตุที่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะภาครัฐมีแหล่งเงินที่สามารถนำมาช่วยลดภาระค่าไฟของพี่น้องประชาชนได้ นั่นคือ “เงินชอร์ตฟอล” (Short Fall) ซึ่งก็คือ เงินที่ ปตท. ขายก๊าซเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าสูงกว่าราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา จึงต้องมีการคืนเงินส่วนเกินนี้ให้ กกพ. เพื่อนำมาลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน
พีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ก่อนที่ตนจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนได้สำรวจพบเงินในส่วนนี้ที่มีมูลค่าประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท ซึ่งทาง กกพ. และ ปตท. ต่างยอมรับยอดเงินนี้แล้ว เหลือเพียงแต่ให้ กกพ. ออกคำสั่งเรียกให้ ปตท. จ่ายเงินในส่วนนี้เท่านั้น เพื่อนำไปลดค่าไฟให้ประชาชน หากสามารถเรียกคืนเงินจำนวนนี้จาก ปตท. มาได้ ก็จะช่วยลดค่าไฟของประชาชนลงได้อีกประมาณ 17 สตางค์ จากหน่วยละ 3.88 บาท เหลือหน่วยละ 3.71 บาท ตามเป้าหมายที่ตนเคยบอกไว้
สำหรับรอบนี้ที่ กกพ.ประกาศลดค่าไฟลงมาอยู่ที่หน่วยละ 3.88 บาท พีระพันธุ์ อธิบายว่า มาจากผลลัพธ์ของราคาก๊าซที่ถูกลง 6 สตางค์ และยังไม่ได้มีการนำ ‘เงินชอร์ตฟอล’ มาช่วยลดต้นทุนค่าไฟแต่อย่างใด
“ผมเสนอให้ กกพ. มีคำสั่งเรียกเงินส่วนนี้จาก ปตท. เพื่อนำมาสร้างประโยชน์ ลดค่าไฟให้ประชาชน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ก่อนที่ผมจะพ้นจากตำแหน่ง” พีระพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ พีระพันธุ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ กกพ. และกระทรวงพลังงาน ต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ การตรวจสอบว่าการคิดค่าไฟฟ้ากับประชาชนของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในส่วนที่เป็นที่พักอาศัยจะต้องอยู่ที่อัตราหน่วยละ 3.94 บาท สำหรับงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568 และหน่วยละ 3.88 บาท สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2569 อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นราคาหรืออัตราเฉลี่ยตามมติของ กพช. เมื่อเดือนสิงหาคม 2568
พีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบบิลค่าไฟฟ้าจาก กฟน. สำหรับกรุงเทพมหานคร และจาก กฟภ. สำหรับจังหวัดในส่วนภูมิภาคว่ามีการเรียกเก็บถูกต้องตามอัตราดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ตนจะติดตามความคืบหน้าต่อไป


