วานนี้ (1 ธันวาคม) ทีมข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเก็บกู้ซากขยะที่เกิดขึ้นหลังเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยพบว่ามีการระดมรถเก็บขยะและรถบรรทุกทั้งจากหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เข้าดำเนินการตระเวนเก็บขยะจากหลากหลายชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ประชาชนในพื้นที่ได้นำซากขยะและของใช้จำพวกเฟอร์นิเจอร์ที่เสียหายจากน้ำท่วมมากองรวมไว้ตามหน้าบ้านและจุดส่วนกลางของชุมชน เพื่อรอรถตักขนาดใหญ่เข้าดำเนินการจัดเก็บใส่รถเทศบาลและรถบรรทุก เพื่อนำไปกำจัดต่อไป
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้เร่งระดมกำลังเข้าจัดการปัญหาขยะมูลฝอยและน้ำเสียในจังหวัดสงขลา ซึ่งต้องเผชิญกับอุทกภัยรุนแรงใน 10 อำเภอ โดยมีการดำเนินงานสำคัญ ดังนี้:
- ฟื้นฟูน้ำเสีย: เตรียม น้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้ฟื้นฟูสภาพน้ำเสียเน่าเหม็นที่เกิดขึ้นหลังน้ำลด
- จัดการขยะ: ประสานงานเพื่อจัดหา พื้นที่รองรับขยะ ที่เกิดจากน้ำท่วมปริมาณมหาศาล
- ตรวจสอบระบบกำจัด: ตรวจสอบความเสียหายของ ระบบกำจัดขยะและระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้คำแนะนำทางวิชาการในการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน
จังหวัดสงขลามีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 10 อำเภอ ได้แก่ เมืองสงขลา, บางกล่ำ, ควนเนียง, คลองหอยโข่ง, นาหม่อม, หาดใหญ่, รัตภูมิ, จะนะ, ระโนด และสิงหนคร ซึ่งเป็นผลให้มีปริมาณขยะจำนวนมากจากบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม รวมถึง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เศษซากสิ่งก่อสร้าง และขยะทั่วไป
จากการตรวจสอบสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยในจังหวัดสงขลาที่เปิดดำเนินการอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครสงขลา, เทศบาลเมืองบ้านพรุ, เทศบาลเมืองสะเดา, และบริษัท เซาท์เทิร์น วี เพียวริตี้ จำกัด พบว่า สถานที่เหล่านี้ ยังมีความสามารถรองรับขยะได้รวมกว่า 25,000 ตัน โดยมีการจัดเตรียมพื้นที่ขนาด 5–10 ไร่ สำหรับเป็นจุดพักกองขยะเพื่อดำเนินการคัดแยกก่อนนำไปกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
คพ. เตรียมประสานงานกับจังหวัดสงขลาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่เพิ่มเติม โดยจะจัดตั้งจุดพักขยะชั่วคราวให้ ใกล้ชุมชนมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถนำขยะออกจากบ้านเรือนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และประสานให้ภาคเอกชนเข้าช่วยในการ คัดแยก ลดขนาด และนำขยะไปใช้ประโยชน์ เช่น การนำไปผลิตเป็น เชื้อเพลิงขยะ (RDF) เพื่อส่งไปโรงปูนซีเมนต์ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ การนำไปผลิต พลังงาน ที่โรงไฟฟ้าขยะ จังหวัดกระบี่
