×

Game on! เปิดเงื่อนไขลุ้นแชมป์ ก่อนศึก อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ เรซชี้ชะตา F1 2025

01.12.2025
  • LOADING...
เปิดเงื่อนไขลุ้นแชมป์ ก่อนศึก อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ เรซชี้ชะตา F1 2025

หากใครได้ชมกาตาร์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นเรซที่เป็นตัวอย่างที่ดีของการต่อสู้กัน ไม่ใช่แค่เพียงตัวนักขับทุกคน แต่ยังรวมถึง การวางแผนและบัญชาการของทีมจากข้างสนาม

 

บทสรุปคือการตัดสินใจไม่ยอมเข้าพิตของแมคลาเรน ในตอนที่ นิโค ฮูล์เคนแบร์ก ต้องออกจากการแข่งขัน นำมาซึ่งช่องว่างที่ลดลงของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน โดยห่างจาก แลนโด นอร์ริส เหลือเพียงแค่ 12 คะแนน จากเดิมที่ห่าง 25 แต้ม

 

เรียกได้ว่าลดมากกว่าครึ่ง!

 

ปัจจุบัน ซูเปอร์แม็กซ์ มี 396 คะแนน ตามหลัง แลนโด ที่มี 408 คะแนน อยู่ 12 แต้ม แต่เขาได้แซง ออสการ์ ปิอัสทรี ที่ตอนนี้มี 392 คะแนน ขึ้นไปรั้งอันดับที่ 2 ในตารางคะแนนนักขับแล้ว

 

ซึ่งนั่นนำมาสู่สถานการณ์สุดดุเดือดในเรซสุดท้ายที่อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ณ ยาส มารีนา เซอร์กิต ในวันอาทิตย์ (7 ธันวาคม) นี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ที่การลุ้นแชมป์ มีตัวละครมาถึง 3 คน

 

อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การลุ้นแชมป์จะต้องวัดกันถึงสนามสุดท้าย เพราะจากประวัติศาสตร์ 75 ปี ของศึก F1 เมื่อรวมสถานการณ์ในฤดูกาลนี้แล้ว นี่เป็นครั้งที่ 32 จาก 75 ฤดูกาล ที่แชมป์โลกจะถูกตัดสินกันในเรซสุดท้าย

 

หากมองตัวเลขไวๆ เรียกได้ว่า แทบจะ ‘ปี-เว้น-ปี’

 

อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมาไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้แฟนๆ ของ แม็กซ์ หรือ ออสการ์ มากนัก เพราะ มีเพียง 9 ครั้งเท่านั้น ที่ผู้นำคะแนนสะสมก่อนเข้าสู่การแข่งขันสุดท้ายไม่สามารถคว้าแชมป์ได้

 

โดยนักขับคนสุดท้ายที่สร้างปาฏิหาริย์ได้ในเรซปิดฤดูกาล ต้องย้อนไปในปี 2010 เมื่อ ‘เซ็บ’ เซบาสเตียน เวตเทล พลิกสถานการณ์ จากที่ตามหลังก่อนแข่ง 15 คะแนนและอยู่ในอันดับ 3 แซง ‘น้าโซ่’ เฟร์นานโด อลอนโซ ที่ตอนนั้นขับให้เฟอร์รารี่

 

หากเชื่อในเรื่องโชคลาง ก็พอจะมี 2 เรื่องบังเอิญที่น่าจะทำให้แฟนๆ แม็กซ์ มองในแง่ดีได้ก็คือ เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นที่ ยาส มารีนา เซอร์กิต เหมือนกัน และตอนนั้น เซ็บ ก็เป็นนักขับของเรดบูลล์ เช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของแม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ค่อนข้างชัดเจน หากเขาจะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 นั่นคือ เขาต้องได้แชมป์ และภาวนาให้ แลนโด จบอันดับที่ 4 หรือต่ำกว่า

 

ในกรณีที่ แม็กซ์ ไม่สามารถคว้าชัยใน ยาส มารีนา ได้ เงื่อนไขการป้องกันแชมป์โลกของเขาจะยากขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับหมดหวัง

 

โดยหากเขาจบที่ 2 แลนโด ต้องจบที่ 8 หรือต่ำกว่า และต้องเพิ่มเงื่อนไขของ ออสการ์ ปิอัสทรี เข้ามาด้วยโดยนักขับชาวออสซี ต้องจบในอันดับ 3 หรือต่ำกว่า ส่วนถ้าแม็กซ์ จบที่ 3 บนโพเดียม อันดับของ 2 นักขับทีมมะละกอ ก็ต้องร่นลงไปอีก

 

ตัดภาพมาที่ ผู้ตามในอันดับที่ 3 ซึ่งเคยเป็นผู้นำในตารางคะแนนมายาวนาน อย่าง ออสการ์ ปิอัสทรี โอกาสคว้าแชมป์โลกสมัยแรกของเขา ยากกว่า แม็กซ์แบบเห็น ๆ

 

อย่างแรก เขาต้องคว้าชัยที่ ยาส มารีนา ให้ได้และลุ้นให้เพื่อนร่วมทีมอย่างแลนโด จบอันดับ 6 หรือต่ำกว่า ซึ่งหากเข้าเงื่อนไขนี้ เขาไม่ต้องกังวลว่า แม็กซ์ จะจบอันดับที่เท่าไหร่

 

ทว่า หากเขาจบอันดับ 2 เงื่อนไขจะยากไปอีกมาก เพราะ ต้องลุ้นให้แลนโด จบที่ 10 หรือต่ำกว่า และลุ้นให้แม็กซ์ จบต่ำกว่าที่ 3 ซึ่งเรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่ 2 คนที่จะพร้อมใจผลงานดรอปในเรซเดียวกัน

 

นั่นหมายความว่า คนที่กุมชะตาชีวิตตัวเองไว้ในมือคือ แลนโด นอร์ริส

 

สิ่งที่เขาต้องต่อสู้ด้วยคือจิตใจตัวเองและความกดดันเท่านั้น เพราะที่ ยาส มารีนา เซอร์กิต เพียงแค่เขาขึ้นโพเดียม แชมป์โลกจะเป็นของเขาทันทีโดยไม่ต้องสนใจว่า ใครจะจบอันดับที่เท่าไหร่

 

แต่หากเขาจบที่ 4-5 ก็ต้องภาวนาให้แม็กซ์ ไม่จบในตำแหน่งผู้ชนะที่อาบูดาบี โดยในตำแหน่งนี้ เขายังไม่ต้องสนใจตำแหน่งของ ออสการ์

 

อย่างไรก็ตาม หากเขาจบต่ำกว่าอันดับ 5 นั่นก็คือที่ 6 ลงมา เขาต้องลุ้นให้อีก 2 คนที่ลุ้นแชมป์ ไม่มีใครจบในตำแหน่งผู้ชนะในเรซสุดท้าย

 

ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า กรณีของแลนโด มีโอกาสในมือมากที่สุด ที่จะคว้าแชมป์หลังจบเรซ แม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่รู้ผลลัพธ์ก็ตาม

 

แต่มีอีก 1 กรณี ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน และเป็นกรณีที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก นั่นคือกรณีที่ มีนักขับคะแนนเท่ากันหลังจบเรซสุดท้าย ซึ่งในกรณีนี้ ก็ต้องตัดสินด้วยไทเบรก

 

มีความเป็นไปได้ที่นักขับสองคนจะทำคะแนนรวมเท่ากัน ตัวอย่างเช่น หากแม็กซ์จบอันดับ 2 และ แลนโดจบอันดับ 7 ทั้งสองคนจะมีคะแนนรวม 414 คะแนนเท่ากัน

 

กฎการตัดสินเมื่อคะแนนเท่ากัน จะประกอบด้วย 2 ข้อหลักๆ คือ

 

1.ดูจำนวนเรซที่ชนะ โดยจะพิจารณาว่าใครมีจำนวนเรซที่ชนะการแข่งขันมากที่สุด ในการแข่งขันตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา

 

แต่ในข้อนี้อาจจะปวดหัวเล็กน้อย เพราะถ้าจบในเงื่อนไขตามที่ยกตัวอย่าง ทั้ง 2 คน จะมีผลชนะในแต่ละเรซ จำนวนเท่ากันที่ 7 สนามในฤดูกาลนี้ ทำให้ต้องไปสู่ไทเบรก ข้อที่ 2

 

2. ให้ดูจำนวนการจบอันดับ 2 เมื่อจำนวนการชนะเท่ากัน

 

โดยตามเงื่อนไขข้อนี้ แลนโด จะได้เปรียบที่สุด เพราะปัจจุบัน เขาจบอันดับ 2 ไปแล้วถึง 8 เรซ ตามมาด้วย แม็กซ์ ที่ 5 เรซ (หากรวมสถานการณ์สมมติตามด้านบน จะเป็น 6 เรซ) และออสการ์ จบอันดับ 2 ไปแล้ว 4 เรซ

 

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างสมมติเท่านั้น และเชื่อว่า ในการแข่งขันจริง การลุ้นแชมป์ น่าจะตัดสินกันโดยที่ทุกคนพยายามจะคว้าชัยชนะให้ได้มากที่สุดมากกว่า

 

และถึงตอนนั้น หาก 1 ใน 3 คนนี้ มีชื่อคว้าชัยใน อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ การนับไทเบรก อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม บทสรุปที่ต้องลุ้นแชมป์โลกกันถึงเรซสุดท้ายเช่นนี้ นับเป็นกำไรสำหรับแฟนๆ และผู้ชมอย่างพวกเราอย่างยิ่ง และไม่ควรพลาดเรซนี้ด้วยประการทั้งปวง!!

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising