ในวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ปลายปี 2568 หลายพื้นที่ของอำเภอหาดใหญ่จมอยู่ใต้สายน้ำสูงกว่า 2 เมตร ถนนถูกตัดขาด สนามบินปิดการใช้งาน เขื่อนหลายแห่งระบายไม่ทัน หน่วยกู้ภัยหลายหน่วยไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ทันเวลา
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกอย่างดูติดขัด มีอีกหนึ่งพลังจากแวดวงกีฬา ที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้ นั่นคือ สมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ซึ่งนำอุปกรณ์ที่เคยอยู่บนเวทีการแข่งขัน มาเป็นยานพาหนะกู้ภัยเพื่อพาผู้คนออกจากพื้นที่อันตราย
สมาคมฯ ระดมกำลังกู้ภัยอย่างเต็มรูปแบบ มี เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย ผู้มีประสบการณ์ช่วยอุทกภัยด้วยเจ็ตสกีในหลายพื้นที่ มาทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ ลงขี่เจ็ตสกีลุยน้ำเอง ร่วมกับทีมนักกีฬาอีกหลายชีวิตอย่าง อาร์ม-พงษ์พัศ ศิริสวัสดิ์
และ ศุภลักษณ์ นิลนพรัตน์ นักกีฬาแชมป์โลกเจ็ตสกี ก็มีภารกิจสำคัญที่กลายเป็นหนึ่งในภาพจำของเหตุการณ์ครั้งนี้ คือการช่วยเหลือคุณแม่และทารกแรกเกิดที่ติดอยู่ในบ้านน้ำท่วมสูง โดยทั้งคู่ติดอยู่ในบ้านนานหลายวัน และแทบไม่มีอาหารตกถึงท้องตลอด 3-4 วันเต็ม ก่อนทีมเจ็ตสกีจะฝ่าน้ำเข้าไปรับออกมาได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่ สมาคมฯ ได้ประกาศเป็นตัวกลางรับเรือเจ็ตสกีและรถเทรลเลอร์ลากเรือ จากผู้ใจบุญ นำไปช่วยอพยพประชาชนที่ถูกน้ำท่วมในหาดใหญ่ จนได้เจ็ตสกีกว่า 20 ลำถูกระดมลงพื้นที่จริงอย่างเร่งด่วน หลังมีการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ติดอยู่บนหลังคา บ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมสูง หรือยานพาหนะเข้าไม่ถึง
ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ใช้เพจและช่องทางสื่อขององค์กรเป็นศูนย์กลางกู้ภัย เปิดรับเรือเจ็ตสกีและรถเทรลเลอร์จากผู้มีน้ำใจ ก่อนระดมกว่า 20 ลำ ลงพื้นที่แบบฉุกเฉิน พร้อมข้อความเดียวที่ประกาศออกไปทั่วพื้นที่ว่า “แจ้งพิกัดมาได้เลย ทีมเราจะไปหา”
นอกจากทีมหลัก ยังมีนักเจ็ตสกีจิตอาสาอีกหลายสิบชีวิต ที่อาสาขับเจ็ตสกีเข้าไปในจุดที่หน่วยงานอื่นเข้าไม่ถึง
ในยามอุทกภัยนี้ เจ็ตสกีกลายเป็นยานพาหนะที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด ในเมืองที่จมน้ำ เพราะยานพาหนะนี้สามารถลัดเลาะเข้าซอยแคบๆ ในแบบที่เรือใหญ่เข้าไม่ได้ รถยนต์จอดนิ่ง เฮลิคอปเตอร์ลงไม่ได้ แต่เจ็ตสกีเข้าได้ทุกที่ และเข้าถึงผู้ประสบภัยได้ทันที
และแน่นอนว่า เบื้องหลังความสำเร็จ ไม่ได้สวยงามทั้งหมด เพราะหลายพื้นที่มีภาพที่ทุกคนไม่อยากเห็น ตั้งแต่ ผู้ประสบภัยจำนวนมากเกินกว่าที่จะช่วยได้พร้อมกันในคราเดียว
บางครั้งอาสาสมัครถูกขู่ทำร้ายจนต้องถอยเพื่อความปลอดภัย, บางลำเครื่องยนต์ดูดโคลนจนดับกลางน้ำ หลายคนหมดแรงจากการขับทั้งวันทั้งคืน
แต่ทุกครั้งที่เครื่องยนต์ดับ พวกเขาก็แก้ไขแล้วกลับไปใหม่ หรือทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธหรือถูกก่นด่า จากอารมณ์ และความรู้สึกแห่งความสูญเสีย พวกเขายังกลับไปช่วยคนต่อ
เพราะทีมช่วยเหลือทุกคนมองเห็นตรงกันว่า “ไม่มีใครควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ในช่วงวิกฤตแบบนี้
ตลอด 24 ชั่วโมง สมาคมฯ เปิดเพจรับแจ้งเหตุอย่างต่อเนื่อง ช่วยเหลือผู้ที่ติดหลังคา ติดชั้นสอง ติดอยู่ในห้องแถว หรือผู้ที่รถเข้าไม่ถึง ด้วยระบบรับพิกัดและกระจายทีมกู้ภัยออกทันทีที่มีคำร้องขอ
แม้ตอนนี้น้ำในบางจุดเริ่มลดระดับ แต่หลายพื้นที่ยังคงท่วมขัง ทีมเจ็ตสกียังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนภารกิจกู้ภัยให้เข้าถึงประชาชนได้เร็วที่สุด
ท้ายที่สุดนี้ THE STANDARD SPORT ขอชื่นชมและยกย่องความเสียสละของทุกคนในทีมเจ็ตสกี ทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และผู้ที่ส่งอุปกรณ์เข้ามา รวมถึงทุกหน่วยงานที่ร่วมแรงร่วมใจในเหตุการณ์ครั้งนี้
และเราขอส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย และพี่น้องชาวสงขลา หาดใหญ่ รวมถึงผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างปลอดภัยที่สุด ❤️🙏
ภาพ: สมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ-Thai Jet Sports Boating Association และ Ple Nakorn
