×

ถึงเวลาไป? เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทางอาร์เนอ สลอต

27.11.2025
  • LOADING...
ถึงเวลาไป เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทาง อาร์เนอ สลอต

แม้กระทั่งเดอะ ค็อป หนึ่งแฟนฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องในเรื่องของความจงรักภักดีและสนับสนุนทีมอย่างสุดหัวใจก็ทนดูไม่ไหว

 

ภาพของกองเชียร์ที่เดินออกจากสนามแอนฟิลด์เพื่อกลับบ้านทั้งๆ ที่เกมยังไม่จบลง โดยมีแฟนบอลพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ที่ยกพลตามมาเชียร์จากเนเธอร์แลนด์ล้อเลียนด้วยการโบกมือส่ง เป็นภาพที่สะท้อนใจในสถานการณ์ของลิเวอร์พูลในเวลานี้

 

ความปราชัยต่อแชมป์ลีกดัตช์แบบหมดสภาพถึง 4-1 เป็นการแพ้นัดที่ 3 ติดต่อกันโดยเป็นการแพ้ด้วยผลต่าง 3 ประตูทุกนัด รวมแล้วเสียมากถึง 10 ประตู ซึ่ง 2 เกมหลังสุดเป็นการแพ้คาแอนฟิลด์ด้วย

 

12 นัดหลังสุดพวกเขาพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 9 นัด

 

และ 12 ยังเป็นตัวเลขอันดับทั้งในพรีเมียร์ลีก และในยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบลีกเฟส

 

อาร์เนอ สลอต กำลังตกเป็นเป้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และคำถามในเวลานี้ดูเหมือนจะถูกตัดออกเหลือเพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้น

 

ถึงเวลาที่ลิเวอร์พูลต้องอำลาผู้จัดการทีมที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เมื่อ 6 เดือนก่อนแล้วใช่ไหม?

 

ถึงเวลาไป เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทาง อาร์เนอ สลอต 1

 

“หายนะ” น่าจะเป็นหนึ่งในคำที่แทนสิ่งที่เกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุด

 

เพราะหลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2 ในรอบ 5 ปีได้เมื่อเดือนพฤษภาคม เสริมทัพอย่างน่าตื่นเต้นด้วยผู้เล่นระดับสตาร์ค่าตัวแพงรวมกันด้วยงบประมาณมากกว่า 400 ล้านปอนด์ และคว้าชัยชนะรวดใน 7 เกมแรกของฤดูกาล

 

ลิเวอร์พูลกลายเป็นคนละทีมอย่างสิ้นเชิง

 

ความพ่ายแพ้ในช่วงท้ายเกม 3 นัดรวดต่อคริสตัล พาเลซ, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมหาศาล ก่อนที่ทุกอย่างจะล่มสลายลงต่อหน้าด้วยผลงานแพ้ถึง 9 จาก 12 นัดหลังสุด

 

ผลงานที่เลวร้ายในระดับที่สามารถจะพูดได้ว่าหากเกิดขึ้นที่สโมสรอื่นในพรีเมียร์ลีก และไม่ใช่คนที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ใหญ่มาไม่กี่เดือนที่แล้ว

 

อาร์เนอ สลอต จะกลายเป็นคนตกงานอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ดีเวลานี้ดูเหมือนกุนซือชาวดัตช์ที่เคยมีโลกอันสดใสอยู่ดีๆ กำลังเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ไม่ใช่เพียงแค่การเสียศรัทธาและความชอบธรรมจากแฟนบอลที่เคยให้การสนับสนุน แต่ดูจากปฏิกิริยาภาษากายของลูกทีมในเกมที่พ่ายยับต่อพีเอสวี ก็น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

 

มีรายงานข่าวว่าสลอต ได้ถูกเรียกตัวเข้าพบกับฝ่ายบริหารของสโมสรเพื่อหารือถึงปัญหาและวิกฤติที่เกิดขึ้นแล้ว ท่ามกลางการคาดเดาถึงการตัดสินใจสำคัญที่จะเกิดขึ้น

 

โดยปกติแล้วสโมสรอย่างลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการสนับสนุนการทำงานของผู้จัดการทีมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขนาดไหนก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์จำนวนมากยังเชื่อว่าสลอตจะยังได้รับเวลาและโอกาสในการแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น

 

แต่ในเวลาเดียวกัน สัญญาณที่ส่งมาจากทีมและตัวของเขาเองในเวลานี้ ก็มีหลายอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลว

 

ถึงเวลาไป เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทาง อาร์เนอ สลอต 2

 

ล้มเหลวทางแท็กติก

 

ความล้มเหลวอย่างแรกที่ปฏิเสธไม่ได้ในฐานะการเป็นโค้ชหรือผู้จัดการทีมคือเรื่องแท็กติกการเล่น

 

ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ชื่อของอาร์เนอ สลอต ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากโลกฟุตบอลในฐานะโค้ชที่สามารถทำทีมเล่นฟุตบอลในแบบสมัยใหม่ได้อย่างเป็นระบบ ในแบบที่เรียกว่า ‘Slotball’

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว สลอตยังไม่สามารถ ‘ติดตั้ง’ ระบบการเล่นดังกล่าวให้กับลิเวอร์พูลได้เลย

 

มีเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆในระหว่างเกมพรีซีซันฤดูกาลที่แล้วที่พอจะได้เห็นเค้าลางของ Slotball ที่เคยทำให้เฟเยนอร์ด ร็อตเตอร์ดัมคว้าแชมป์ลีกดัตช์ได้ 1 สมัย แต่หลังจากนั้นสลอตเลือกจะยึดระบบการเล่นในพื้นฐานเดิมคือฟุตบอลเพรสซิงแบบเจอร์เกน คล็อปป์ เพียงแต่มีการปรับจูนเล็กน้อยตามความเหมาะสม

 

ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าดีเกินคาดสำหรับหลายคนด้วยการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้

 

แต่ในฤดูกาลนี้กุนซือชาวดัตช์พยายามที่จะปรับเปลี่ยนสไตล์ของทีมให้เป็นแนวทางของตัวเองมากขึ้น ลดการเพรสซิงลง เน้นการคอนโทรลบอลมากขึ้น ให้อิสระมิดฟิลด์ในการเติมเกม รวมถึงตัวริมเส้น

 

ปัญหาคือทีมเล่นไม่ได้อย่างที่อยากได้ ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่เล่นช้า ไม่อันตราย และเต็มไปด้วยจุดอ่อนในเกมรับ

 

ทุกทีมรู้หมดว่าเล่นกับลิเวอร์พูลต้องทำอย่างไรบ้าง 1-2-3-4-5 แต่สลอตไม่รู้ว่าจะให้ทีมเอาชนะแผนการเหล่านั้นได้อย่างไร และนั่นคือปัญหา

 

ถึงเวลาไป เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทาง อาร์เนอ สลอต 3

 

ล้มเหลวในการบริหารจัดการทีม

 

ถึงจะผลงานเลวร้ายดูไม่จืดขนาดไหน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือลิเวอร์พูลเป็นทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นคุณภาพสูงมากมายแทบทุกตำแหน่ง

 

พวกเขามีซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปอย่าง โม ซาลาห์, เวอร์จีล ฟาน ไดค์, อิบราฮิมา โคนาเต, โฟลเรียน เวียร์ตซ์, อเล็กซานเดอร์ อิซัค รวมถึง โดมินิก โซโบสไล ผู้กลายเป็น ‘เดอะ แบก’ ในฤดูกาลนี้

 

แต่อาร์เนอ สลอต ล้มเหลวอย่างชัดเจนในการบริหารจัดการทีม โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่มีการปรับเปลี่ยนทีมหลายจุด มีผู้เล่นย้ายเข้าและย้ายออกหลายราย

 

หนึ่งในปัญหาที่ชัดเจนคือจนถึงตอนนี้สลอต ไม่รู้จะใช้งานโฟลเรียน เวียร์ตซ์, อเล็กซานเดอร์ อิซัค และอูโก เอคิติเก 3 ผู้เล่นระดับสตาร์ค่าตัวมหาศาลเกือบ 300 ล้านปอนด์ด้วยกันอย่างไร ไม่นับเจเรมี ฟริมปง และมิลอส เคอร์เคซ สองฟูลแบ็กใหม่ก็ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้เลย (คนแรกเจ็บตลอดเวลาด้วย)

 

นอกจากนี้สลอต ยังมีปัญหาในการจัดการกับขุมกำลังแนวลึกของทีม

 

ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว สลอตแสดงให้เห็นว่าเขาขาดความเชื่อใจในตัวลูกทีมหลายรายที่แทบจะไม่เรียกใช้งานเลยทั้งๆไม่ได้เป็นนักเตะขี้ริ้วขี้เหร่ และหลายคนทำผลงานได้น่าประทับใจด้วยซ้ำเมื่อได้โอกาส

 

วาตารุ เอ็นโด คือคนแรกที่แฟนบอลสงสาร เช่นกันกับเฟเดริโก คิเอซา ที่แทบไม่มีตัวตนในสายตาของสลอตในฤดูกาลที่แล้ว

 

รวมถึงดาวรุ่งฝีเท้าดีหลายๆ คนนอกจากจะไม่ได้รับโอกาสยังถูกปล่อยตัวออกไปจากทีมด้วย ไม่ว่าจะเป็น จาเรลล์ ควานซาห์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, ไทเลอร์ มอร์ตัน ขณะที่เด็กชุดใหม่อย่าง ริโอ นูโมฮา และเทรย์ นีโอนี ก็แทบได้โอกาสลงเล่น

 

ตรงกันข้ามกับคนที่ถูกมองว่าเป็น ‘ลูกรัก’ อย่างโคดี คักโป ที่ได้โอกาสลงสนามต่อเนื่องแม้ว่าผลงานจะไม่เป็นที่น่าประทับใจก็ตาม

 

นั่นทำให้ระยะห่างระหว่างตัวจริง-ตัวสำรอง ตัวเก่า-ตัวใหม่ เกิดขึ้นชัดจนเกินไป

 

ถึงเวลาไป เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทาง อาร์เนอ สลอต 4

 

ล้มเหลวในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤติ

 

สภาวะวิกฤติเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทีมทุกคนต้องเจออยู่แล้วในโลกฟุตบอลเป็นเรื่องปกติ แต่สลอต แสดงให้เห็นว่าเขายังขาดทักษะในการจัดการกับวิกฤติ (Crisis management) ในทางฟุตบอล

 

ในขณะที่เห็นได้ชัดว่าลิเวอร์พูลมีปัญหาใหญ่ในหลายจุด แต่ทุกจุดไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วทันท่วงที

 

หนักกว่านั้นคือยังตะบี้ตะบันที่จะยึดแนวทางการเล่นแบบเดิม โดยใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ แล้วคาดหวังว่าผลลัพธ์จะออกมาแตกต่างไป ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้

 

ความล้มเหลวในการรับมือกับวิกฤติของเขาทำให้สถานการณ์ของทีมเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จากตอนแรกแค่สะดุดล้ม มาถึงตอนนี้เหมือนกลิ้งโคโร่กระเด็นตกจากขอบเหว และกำลังดำดิ่งลงไปยังก้นเหวที่มืดมิดมองไม่เห็นแสงสว่าง

 

ถึงเวลาไป เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรแยกทาง อาร์เนอ สลอต 5

 

ล้มเหลวในการสร้างความเชื่อมั่น

 

สิ่งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นคือสลอตได้เปลี่ยนลิเวอร์พูล จากทีมที่เคยเป็น Believer ที่เชื่อมั่นในทีมเสมอ ให้กลับมาเป็น Doubter ที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย

 

เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับทีมเท่านั้น แต่มันส่งต่อไปถึงแฟนบอลด้วย และมันช่วยไม่ได้หากจะมีใครสักคนที่อดคิดถึงอดีตผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ ขึ้นมาไม่ได้

 

คล็อปป์เองก็ผ่านช่วงเวลาวิกฤติมาหลายครั้งเช่นกันกับลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในฤดูกาล 2020/21 หลังจากคว้าแชมป์ที่กองหลังตัวจริงเจ็บหมดยกแผงตลอดฤดูกาล และในฤดูกาล 2022/23 ที่ทีมหมดสภาพหลังกรำศึกหนักไล่ล่า 4 แชมป์ในฤดูกาลก่อนหน้า

 

แต่ถึงอย่างนั้นแฟนบอลยังเชื่อมั่นลึกๆว่าคล็อปป์จะพาทีมกลับมาได้

 

สลอตไม่ได้ทำให้แฟนๆเชื่อแบบนั้นได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

 

ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของผลงานในสนาม อีกส่วนคือบุคลิกตัวตนของเขาที่มี ‘ระยะห่าง’ กับแฟนบอลประมาณหนึ่ง ซึ่งชวนให้คิดถึงคล็อปป์ในช่วงแรกที่เข้ามารับงานในแอนฟิลด์และเห็นแฟนบอลเดินกลับจากสนามหลังแพ้คริสตัล พาเลซคาบ้าน

 

สิ่งที่คล็อปป์ทำคือการแสดงให้รู้ว่าเขาต้องการแฟนๆในสนาม อย่าทิ้งทีมไปแบบนี้ ก่อนที่จะพาทีมไปขอบคุณกับแฟนๆที่ตามไปเชียร์ในเกมต่อมาที่สามารถไล่ตีเสมอเวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

 

‘ความเชื่อมโยง’ เหล่านี้คือสิ่งที่หายไปในยุคของสลอต ซึ่งสำหรับทีมที่ใช้ ‘ความรู้สึก’ มากกว่า ‘เหตุผล’ อย่างลิเวอร์พูล เรื่องนี้มีผลอย่างมาก

 

ผู้นำที่ไม่สามารถทำให้คนเชื่อมั่นได้ ไม่สมควรจะเป็นผู้นำ

 

ทั้งหมดนี้เมื่อจับมามัดรวมๆกันแล้วมันมากพอจะคิดว่า บางที – แม้จะเห็นใจ โดยเฉพาะกรณีการจากไปอย่างกะทันหันของดีโอโก โชตา ที่ไม่มีใครบอกได้ว่ากระทบกับจิตใจของผู้เล่นขนาดไหน – ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้อาจจะมีแค่ทางเดียว

 

คือการที่ลิเวอร์พูลควรคิดถึงการแยกทางกับอาร์เนอ สลอต

 

มันอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่หลักฐานเชิงประจักษ์นั้นน่าจะเพียงพอที่จะบอกได้ว่า ถึงจะพาทีมเป็นแชมป์ได้แต่เขาอาจจะยังไม่ดีพอที่จะพาทีมเดินต่อไป

 

สำหรับทีมเจ้าพ่อการวางแผนแบบ Moneyball ที่ไม่เคยปลดใครมานานกว่า 10 ปีอย่างลิเวอร์พูล มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ห่างเหินมานาน และต้องยอมรับว่าผิดแผนไม่ใช่น้อย

 

แต่อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างที่สร้างมาพังทลายอย่างรวดเร็วแบบนี้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising