น้ำท่วมภาคใต้ปี 2568 เป็นเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ฝนตกทำลายสถิติหลายร้อยปี ส่งผลให้หลายจังหวัดจมใต้น้ำพร้อมกันและประชาชนกว่า 2.7 ล้านคนได้รับผลกระทบ ภาครัฐต้องเร่งอพยพและระดมความช่วยเหลือในวงกว้าง
THE STANDARD สรุปแบบถาม-ตอบของประเด็นสำคัญ เพื่อเข้าใจสถานการณ์ครั้งนี้
Q: น้ำท่วมภาคใต้ ปี 2568 เกิดขึ้นได้อย่างไร
A: เกิดจาก ‘ฝนประวัติการณ์’ หรือที่เรียกว่า ‘ฝน 300 ปี’ ที่ตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ทำให้คลองอู่ตะเภาและคลองสายหลักเอ่อล้น น้ำทะลักเข้าท่วมเมืองอย่างรวดเร็ว ปัจจัยสำคัญคือมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงบวกกับปรากฏการณ์ลานีญาที่เพิ่มความชื้นในอากาศ ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในวงกว้างครอบคลุมเกือบทั้ง 9 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง
Q: พื้นที่ใดได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดและสถานการณ์เป็นอย่างไร
A: สงขลา โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด น้ำสูงบางจุดเกือบ 2 เมตร จนรัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จังหวัดใกล้เคียงอย่างนครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ก็ถูกน้ำท่วมหนัก ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพขึ้นที่สูงหรือเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว
Q: มีผู้เสียชีวิตหรือประชาชนเดือดร้อนเท่าใด
A: จากข้อมูล ปภ. ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน กระจายใน 7 จังหวัด ประชาชนกว่า 2.7 ล้านคน เดือดร้อน หรือราวหนึ่งล้านครัวเรือน ต้องอพยพมากกว่า 13,000 คน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว
Q: ฝนตกหนักขนาดไหน ทำไมถึงหนักเป็นพิเศษ
A: ปริมาณฝนครั้งนี้ ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 300 ปี ของหาดใหญ่ วันที่ 21 พฤศจิกายน ฝนตกถึง 335 มม. และฝนสะสม 3 วันสูงถึง 630 มม. สาเหตุมาจากร่องมรสุมที่ถูกอากาศเย็นจากจีนกดลงต่ำ รวมกับปรากฏการณ์ลานีญาที่ทำให้อากาศอิ่มน้ำเป็นพิเศษ กลายเป็น ‘ฝนแช่’
Q: น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงเพียงใดเมื่อเทียบกับอดีต
A: ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า นี่เป็นหนึ่งในอุทกภัยที่รุนแรงที่สุดในภาคใต้ตอนล่าง ‘ในรอบหลายทศวรรษหรืออาจในรอบชั่วอายุคน’ ปริมาณฝนและระยะเวลาน้ำท่วมครั้งนี้มากกว่าเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2531, 2543 และ 2553 อย่างชัดเจน
Q: เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างไร
A: รัฐบาลประกาศสงขลาเป็นพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉิน และแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดคุมสถานการณ์ กองทัพส่ง C-130 ลำเลียงเสบียง เรือท้องแบน รถยกสูง รวมถึงนำเรือหลวงจักรีนฤเบศร พร้อมเฮลิคอปเตอร์ ทีมแพทย์ และครัวสนาม (ผลิตอาหารได้ 3,000 จานต่อวัน) ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ถูกตัดขาด
Q: สถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร
A: ระดับน้ำหลายพื้นที่เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงหลังฝนหยุดตก แต่หลายจุดยังมีน้ำไหลแรง พื้นที่ลุ่มต่ำในหาดใหญ่ยังท่วมสูงระดับเอวถึงระดับอก โครงสร้างพื้นฐานอย่างไฟฟ้าและถนนยังเสียหาย และต้องเร่งซ่อมแซมต่อเนื่อง พร้อมเตือนประชาชนระวังไฟฟ้าช็อตในพื้นที่น้ำขัง
Q: การอพยพและการช่วยเหลือคืบหน้าอย่างไร
A: ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดของภาคใต้ เจ้าหน้าที่ใช้ทั้งเรือท้องแบน รถยกสูง และเจ็ตสกี เข้าถึงผู้ประสบภัย มีการร้องขอความช่วยเหลือกว่า 77,000 ข้อความ ผ่านช่องทางออนไลน์ กองทัพระดมเรือกว่า 200 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ประมาณ 20 ลำ ช่วยลำเลียงเสบียงและอพยพประชาชน โดยในบางจุดต้องโรยอาหารและถังออกซิเจนลงจากเฮลิคอปเตอร์ก่อนนำเรือเข้าไปรับผู้ที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน
