สุรพล โอภาสเสถียร ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม e-commerce อย่างน้อย 2 ราย ติดต่อเข้ามาขอเป็นสมาชิกเครดิตบูโร คาดว่าจะดำเนินการเข้าเป็นสมาชิกเสร็จสิ้น ภายในปี 2569
โดยสมาชิกรายล่าสุด รายแรกอย่าง shopee ได้นำบริษัทให้บริการทางการเงินในเครือเข้ามาเป็นสมาชิก ซึ่งสามารถปล่อยกู้ได้สองทาง คือ ปล่อยกู้ P-Loan ให้ฝั่งผู้ซื้อ ที่เข้ามาซื้อของในแพลตฟอร์ม แต่มีเงินไม่เพียงพอ เรียกที่เรารู้จักกันในบริการ Buy Now Pay Later(BNPL) และฝั่งผู้ขาย ที่ขายของมีหน้าร้านบนแพลตฟอร์ม ก็จะปล่อยกู้ในประเภท Nano Finance
ทั้งนี้ ตามกฎหมาย e-commerce จะเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโรได้ต้องมีบริษัทการเงิน ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีใบอนุญาตหรือใบขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น P-Loan, Nano Finance ตัวแพลตฟอร์มเข้าเป็นสมาชิกเองไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายระบุให้ แพลตฟอร์ม e-commerce ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อทางการค้าปกติ
เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ การให้ของไปแล้วให้คนมาผ่อนทีหลัง หรือในสหรัฐอเมริกา การให้เช่าอพาร์ตเมนต์ ผู้อาศัยเข้ามาอยู่ก่อนแล้วค่อยชำระค่าเช่า แบบนี้ถือเป็นการให้เครดิต แตกต่างจากให้สินเชื่อ ซึ่งมีผู้กู้มาขอยืมเงิน แล้วผู้ปล่อยกู้ก็ให้ยืม โดยผู้กู้จะต้องเอาเงินไปใช้ตามจุดประสงค์ที่ระบุไว้ในสัญญา
การให้ ‘เครดิต’ กับการให้ ‘สินเชื่อ’ จึงเป็นคนละเรื่อง การให้เครดิตคือการเชื่อใจว่าอีกฝ่ายจะมีรายได้มาจ่ายหนี้
ดังนั้นคำว่า ‘เครดิต’ จึงใหญ่กว่าคำว่า ‘สินเชื่อ’ แต่ประเทศไทยตีความว่า เครดิตหมายถึงการให้กู้อย่างเดียว
“เครดิตบูโร เป็น trusted source แหล่งที่บอกความน่าเชื่อถือของคนๆ หนึ่ง ดังนั้นเราจึงต้องมีความน่าเชื่อถือของคนๆ หนึ่งในทุกมิติ การใช้ชีวิตทุกวันนี้ ไม่ได้มีมิติแค่การกู้เงิน เรายืมเงินเพื่อน ไม่ใช่การกู้เงิน แต่เพื่อนไว้ใจจึงให้ยืม” สุรพลกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่ Shopee เข้ามาเป็นสมาชิกเครดิตบูโรรายแรก พบว่า อัตราการเป็นหนี้เสียจาก Buy Now Pay Later ลดลงทันทีที่เข้าระบบ เนื่องจากคนตระหนักถึงความสำคัญของการชำระหนี้ เพราะประวัติถูกบันทึกในข้อมูลเครดิต ซึ่งเปิดเผยต่อสถาบันการเงิน ซึ่งหากไม่ชำระหนี้สถาบันการเงินก็จะมองว่าคนๆ นี้ไม่น่าเชื่อถือ
ในขณะที่ หากข้อมูล BNPL อยู่นอกระบบเครดิตบูโร คนไม่ชำระหนี้ ก็ยังมีความน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีใครรู้
สอดคล้องกับความต้องการของผู้ให้บริการ BNPL ที่อยากเห็นข้อมูลเครดิตมากขึ้น เพื่อ Scale up ธุรกิจ
“ธุรกิจขยายใหญ่ขึ้น ความเสี่ยงมากขึ้น เพราะของชิ้นใหญ่ขึ้น วงเงินมากขึ้น จึงต้องการชั่งน้ำหนักคุณภาพคนที่เข้ามาใช้บริการในระบบ” สุรพล กล่าวส่งท้าย
ภาพ: Przemek Klos/Shutterstock


