วันนี้ (31 ตุลาคม) เอกราช อุดมอำนวย สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร เปิดเผยว่า กมธ. กำลังตรวจสอบ 2 ประเด็นสำคัญ ประเด็นแรกคือ ปัญหาการทับซ้อนของคลื่นความถี่ระหว่างภาครัฐ (กองทัพ) กับบริการภาคประชาชน หลังจากภาคเอกชนร้องเรียนว่าการจัดสรรคลื่นอาจไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะคลื่นที่กองทัพถือครองมีการนำไปหารายได้ แข่งขันกับผู้ประกอบการ ทำให้วิทยุชุมชนรายเล็กเดือดร้อน กมธ. จึงต้องตรวจสอบว่า มีการยื่นการประกอบกิจการ กับ กสทช. แสดงรายได้เนื้อหาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่
เอกราชระบุอีกว่า การประชุมเมื่อวานนี้ได้รับข้อมูลจาก กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อยุทธภัณฑ์ทางทหาร ซึ่งกัณฐัศว์เผยข้อมูลว่าหน่วยทหารแนวหน้ามีการขอความอนุเคราะห์โดยตรงไปยังมูลนิธิกันจอมพลัง เพื่อจัดซื้อยุทธภัณฑ์ ซึ่งสะท้อนปัญหาการขาดแคลนในพื้นที่แนวหน้า
กมธ. จึงต้องขอเอกสารคำขอทั้งหมดจากมูลนิธิฯ และกองทัพเพื่อตรวจสอบ พร้อมระบุด้วยว่า การที่ พล.ท. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ไม่สามารถให้คำตอบในที่ประชุมได้ และรับปากจะรวบรวมเอกสารมาให้ ยิ่งแสดงว่าทหารแนวหน้าขาดแคลนในสิ่งที่กองทัพปฏิเสธข้อเท็จจริงในเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งหลังจากนี้อาจไม่ต้องเชิญกัณฐัศว์เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว
เอกราชยืนยันด้วยว่า การตรวจสอบของ กมธ. ไม่ได้เป็นการมุ่งหมายตรวจสอบเพื่อเพ่งเล็งโทษใคร แต่เพื่อวางระบบของกองทัพ และวางแนวทางการรับบริจาคที่ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ดำเนินการอย่างไม่เป็นระเบียบ และอาจนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป โดย กมธ. จะส่งหนังสือขอเอกสารจากกองทัพ และหวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างครบถ้วน
เอกราชกล่าวย้ำว่า กองทัพต้องไม่ปกปิดข้อมูล และเรียกร้องให้ยอมรับความจริงไม่ใช่การปกปิดข้อเท็จจริง หรือพูดไปเพียงแค่ให้ดูดี แต่ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา และช่วยกันหาทางออกก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป้าหมายของ กมธ. คือการติดเขี้ยวเล็บ ให้ทหารแนวหน้า และเชื่อว่าประชาชนพร้อมสนับสนุนหากทราบว่าแนวหน้าขาดแคลนอะไรจริง ไม่ใช่ปล่อยให้หน่วยงานภายนอกต้องมาจัดหาให้ ทั้งที่เป็นหน้าที่โดยตรงของกองทัพ
