Grand Prix de la Haute Joaillerie หรืองานประกวดเครื่องประดับชั้นสูงที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในโมนาโกหรือ Monte-Carlo Société des Bains de Mer Group เป็นครั้งแรก โดยมีแบรนด์แฟชั่นและเครื่องประดับร่วมส่งผลงานชิ้นเอกเข้าร่วมมากมาย
โดยการประกวดได้แบ่งออกเป็น 6 สาขา โดยเริ่มที่สาขาใหญ่ที่สุดอย่าง Best Piece of the Year สำหรับชิ้นงานที่สวยที่สุดประจำปีที่สะท้อนเรื่องงานฝีมือและเรื่องราวของตัวแบรนด์ ซึ่งตกเป็นของสร้อยคอ SWEATER PRESTIGE จากคอลเล็กชัน Sport ปี 2024 ที่เชื่อมโยงเสื้อผ้าแนวสปอร์ตแวร์ช่วงปี 1920 ของ Gabrielle Chanel ที่เป็นเหมือนปกเสื้อทำด้วยทองคำขาว แพลตินัม เพชร และจุดเด่นอยู่ที่สายสร้อยที่ทำเหมือนสายปรับความยาว ทำมาจากออนิกซ์ และมรกต 11 เม็ดน้ำหนักรวม 37.18 กะรัต
อีกหนึ่งรางวัลใหญ่คือ Gemstone Prize สำหรับแบรนด์หรือชิ้นงานที่จุดประกายการใช้อัญมณีได้น่าสนใจ ได้แก่สร้อยคอ Apogée ของ Louis Vuitton ด้วยมรกตเม็ดงามน้ำหนัก 30.75 กะรัตจากคอลเล็กชัน Virtuosity ปี 2025
รางวัลอื่นที่น่าสนใจมีทั้ง Jury’s Special Prize จากคณะกรรมการ ซึ่งปีนี้มีคนไทยเป็นหนึ่งในกรรมการตัดสิน ได้แก่ ชญาภา จูตระกูล Executive Director ของ Directions Group (Thailand) และผู้ก่อตั้ง THE PINK LAB ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเก้าท่าน ได้เลือกให้แบรนด์ Tiffany & Co. เป็นผู้ชนะ จากความคิดสร้างสรรค์ในคอลเล็กชันเครื่องประดับชั้นสูงล่าสุด รวมไปถึงยังคว้ารางวัล Heritage Prize สำหรับชิ้นงานที่เป็นมรดกล้ำค่าของแบรนด์ จากชิ้นงานสร้อยคอโชกเกอร์ Butterfly โดย Jean Schlumberger จากปี 1956
งาน Grand Prix de la Haute Joaillerie ครั้งแรกนี้มีแบรนด์ทั้งหมด 10 แบรนด์ส่งผลงานเข้าชิงรางวัล ตั้งแต่ CHANEL, Dior, Bulgari, Louis Vuitton, Boucheron, Dolce & Gabbana, Tiffany & Co., Anna Hu, Messika และ Chopard เพื่อชิงความเป็นเลิศในงานฝีมือฝั่งอัญมณีและเครื่องประดับชั้งสูงที่ถือว่ากำลังเข้มข้นและเป็นกลุ่มสินค้าที่แบรนด์ให้ความสำคัญ ผ่านการจัดงานนิทรรศการและเปิดตัวในเมืองต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าบุคคลที่มีสินทรัพย์สุทธิสูงมาก (High Net Worth Individual) ที่มีอยู่ทั่วโลก
ภาพ: CHANEL
