วานนี้ (28 ตุลาคม) สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ เสนอแนวคิด พลิกยุทธศาสตร์แร่แรร์เอิร์ธ จากวิกฤตความมั่นคง สู่โอกาสสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ที่จะสร้างรายได้สูงและจ้างงานจำนวนมากในแผ่นดินไทย
สุชัชวีร์ชี้ว่า ประเทศไทยไม่ควรหนีเรื่องแร่แรร์เอิร์ธ แต่ต้องจับจังหวะให้เป็น สร้างโอกาสให้ตัวเองอยู่ในห่วงโซ่มูลค่าที่สูงสุด การเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่า ของอุตสาหกรรมไฮเทคถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะเป็นอนาคตของโลก หากไล่ลำดับมูลค่าตามกระบวนการ ตั้งแต่ การทำเหมือง การสกัด การออกแบบเทคโนโลยี การผลิตอุปกรณ์ไฮเทค ประเทศที่ทำได้ครบจบในตัวคือจีน
ส่วนสหรัฐอเมริกายังมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณแร่ ดังนั้น ประเทศไทยควรมุ่งไปที่การออกแบบเทคโนโลยีและการผลิตอุปกรณ์ไฮเทค ซึ่งให้มูลค่าสูงกว่าและปลอดภัยกว่า และยังเห็นว่า ควรให้ความสำคัญกับ MOU ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สุชัชวีร์เสนอให้รัฐบาลใช้ MOU ฉบับนี้เป็น “เครื่องมือเจรจา” เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์ใน 3 ด้านหลัก คือ
1. ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เจรจาถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการสำรวจและการผลิตแร่ที่ปลอดภัยและยั่งยืน
2. ด้านการศึกษาและการวิจัยวัสดุศาสตร์
พัฒนาคนไทยให้เชี่ยวชาญการสกัดและต่อยอดสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และเซมิคอนดักเตอร์
3. ด้านการลงทุนอุตสาหกรรมปลายน้ำ
เจรจาให้บริษัทไฮเทคสหรัฐฯ ลงทุนสร้าง ศูนย์ออกแบบและโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฮเทค ในประเทศไทย เช่น กรณีเวียดนามที่ได้รับศูนย์ออกแบบชิป AI ของ Nvidia ซึ่งสร้างงานมูลค่าสูงจำนวนมาก
สุชัชวีร์ยังระบุว่า เป้าหมายของไทยต้องก้าวสู่ประเทศอุตสาหกรรมไฮเทค โดยประเทศไทยควรใช้แร่แรร์เอิร์ธเป็นจุดเริ่มต้นในการชิงความได้เปรียบ สร้างฐานอุตสาหกรรมไฮเทคที่แข็งแกร่ง และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
“ถ้าเราทำได้ครบวงจรจากการวิจัยของเราเอง สู่สินค้ามูลค่าสูงของไทย นั่นคือการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีอย่างแท้จริง” สุชัชวีร์กล่าว


