จาก 104 สู่ 40 - การกลับมาของ ซูเปอร์แม็กซ์ และ 5 สนามสุดท้ายที่เดาปลายทางไม่ออก

สัปดาห์สุดสมบูรณ์แบบของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ที่กวาดชัยชนะทั้งในสปรินต์เรซ และ เมนเรซ โดยที่ไม่มีชื่อของ ออสการ์ ปิอัสทรี ขึ้นโพเดียม ในการแข่งขันทั้ง 2 รอบ ทำให้ช่องว่างการลุ้นแชมป์โลกประเภทบุคคลของ F1 ฤดูกาลนี้ เปิดกว้างอีกครั้ง

สถานการณ์ปัจจุบัน ซูเปอร์แม็กซ์ มี 306 คะแนน ตามหลัง ออสการ์ ที่มี 346 คะแนนเพียง 40 คะแนนเท่านั้น และช่องว่างดังกล่าว ถูกลดลงมากกว่า 60 แต้มในระยะเวลาเพียง 5 เรซเท่านั้น

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม แม็กซ์ ตามหลัง จ่าฝูงนักชาวออสเตรเลียน ผู้นำตารางคะแนนอยู่ถึง 104 คะแนน และดูเหมือนว่าโอกาสในการลุ้นแชมป์จะริบหรี่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนถัดมา ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของ แชมป์เก่าชาวดัตช์ และการฟื้นตัวของทีมเรดบูลล์ ทำให้ เขาลดช่องว่างคะแนนลงได้ถึง 64 คะแนนในสี่สนามล่าสุด

ส่งผลให้ตอนนี้เขาตามหลัง ปิอัสทรี เพียง 40 คะแนน และตามหลัง แลนโด นอร์ริส เพื่อนร่วมทีมแม็คลาเรน ที่รั้งอันดับ 2 เพียง 26 คะแนน

และเป็นครั้งแรก ที่ ซูเปอร์แม็กซ์ ออกมายอมรับอย่างชัดเจนหลังคว้าชัยใน เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ ด้วยว่า “มีโอกาส” ในการลุ้นตำแหน่งแชมป์โลก

ความน่าสนใจจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นำไปสู่ 2 คำถามใหญ่ คือ

แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน กลับมาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างไร
สถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน

เกี่ยวกับคำตอบของคำถามแรก มีหลายสื่อมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของ ซูเปอร์แม็กซ์ กับทีม เรดบูลล์ ไว้ได้อย่างน่าสนใจ

แม้ว่าทีมแม็คลาเรน จะทำผลงานได้ดีอย่างมากที่บ้านเกิดของแม็กซ์ ที่ ซานด์ฟอร์ด ในดีตช์กรังด์ปรีซ์ แต่เรดบูลล์ ก็ดูเหมือนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังช่วงพักฤดูร้อน 3 สัปดาห์เช่นกัน หลังแม็กซ์กลับมาขึ้นโพเดียมเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เรซ ในสนามนี้

ลอเรนต์ เมกีส์ ทีมบอสของ เรดบูลล์ เรซซิ่ง ถูกรายงานว่า มีส่วนสำคัญในการช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงหลายอย่างที่ฐานใน มิลตัน คีนส์

เขาหวังว่า ทีมจะไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับ อิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ ปี 2024 ที่ผ่านมาซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ที่ทำให้การพัฒนารถเพื่อรองรับ Low-downforce package เป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์

ในปีนี้ พวกเขาได้เพิ่มการพัฒนาให้กับรถ RB21 โดยมีการปรับปรุงพื้นรถ อย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การลดความไวของรถเมื่อเจอพื้นผิวขรุขระ และสร้างระดับแรงกดที่คงที่มากขึ้น เพื่อให้รถแข็งแกร่งขึ้นในสนามที่เคยอ่อนแอ เช่น บากู และสิงคโปร์

และเมื่อประกอบกับพรสวรรค์กับความกระหายของนักขับแชมป์โลกปีก่อน ผลที่เกิดขึ้น ทำให้ใน 5 สนามหลังสุด นับตั้งแต่พักเบรกฤดูร้อน แม็กซ์ ขึ้นโพเดียม ทุกสนาม และคว้าชัยได้ถึง 3 จาก 5 เรซด้วย

ช่องว่างจาก 104 คะแนนที่ห่างจาก ปิอัสทรี หลังจบ ดัตช์กรังด์ปรีซ์ ค่อยๆ ลดลงอย่างมีนัยยะ โดยเหลือ 94 คะแนน หลังจบเรซที่มอนซา, เหลือ 69 คะแนน หลังผ่าน บาคู, เหลือ 63 คะแนน หลังผ่านมารินาเบย์ ที่สิงคโปร์

และมันถูกลดลงอย่างก้าวกระโดดจนเหลือ 40 คะแนน ที่ ออสติน เท็กซัส ในสหรัฐอเมริกา

ส่วนหนึ่งอาจจะเรียกได้ว่า มีโชคช่วย จากการที่ 2 นักขับ แม็คลาเรน ไปสอยกันเองใน สปรินท์เรซ ที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ ทำให้ แม็กซ์ ได้ลดช่องว่าลงไป 8 คะแนนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

และเมื่อผ่านเมนเรซ เมื่อคืนวันอาทิตย์ ต่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย การนำแบบม้วนเดียวจบของแม็กซ์ ก็ทำให้เขาได้เพิ่มอีก 25 คะแนนเต็ม

พร้อมกันนั้นก็ต้องไปขอบคุณ 2 นักขับของเฟอร์รารี ที่ขัดแข้งขัดขาคู่หูจากแม็คลาเรน ให้ทำอะไรยากไปหมดในเรซนี้ จนปิอัสทรี จบแค่ที่ 5 เท่านั้น

ในขณะที่สถานการณ์ของทีม แม็คลาเรน ยังถูกพูดถึงในแง่ลบมากกว่าแง่บวก เกี่ยวกับการวางตัวนักขับมือ 1 และ สปิริตในทีมที่ดูเหมือนจะมีแต่ข้อกังขา ทีมเรดบูลล์ ก็ดูจะโบยบินได้อย่างอิสระมากขึ้น

นั่นนำมาสู่ความน่าจะเป็นในคำตอบของคำถามที่ 2 ที่ทิ้งไว้ข้างต้น ว่า “สถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน”

ใน 5 สนามที่เหลือ นับจาก เม็กซิโก ไปจนถึงปลายทางที่ อาบูดาบี มีเรซอีก 5 เรซ กับ สปรินท์เรซอีก 2 สนาม ที่ เซาเปาโล และที่กาตาร์ ปลายเดือน พฤศจิกายน นั่นหมายความว่า คะแนนเต็มที่เหลืออยู่มีมากถึง 141 คะแนน

F1 อาจไม่ใช่กีฬาที่คำนวณความน่าจะเป็นได้ง่ายแบบกีฬาอ่าน ที่มีผู้แพ้ ผู้ชนะอย่างชัดเจน เพราะทุกตำแหน่ง ก็มีคะแนนตอบแทนสำหรับอันดับที่พวกเขาได้รับ

แต่ถ้าคิดแบบหยาบๆ แล้วล่ะก็ หาก แม็กซ์ คว้าชัยชนะได้ทุกการแข่งขันที่เหลืออยู่ ทั้ง เมนเรซ และ สปรินท์เรซ เขาจะมีคะแนนรวม 447 คะแนน

ขณะเดียวกัน หากออสการ์ ได้ที่ 2 ในทุกการแข่งขันที่เหลืออยู่ทั้งหมด ทั้ง เมนเรซ และ สปรินท์เรซ เขาจะมีคะแนนรวม 450 คะแนน

ถ้าหากเป็นกีฬาอื่นๆ อย่างฟุตบอล อาจจะเรียกได้ว่า แม็กซ์ ยังต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ เพราะลำพังแค่เขาเอาชนะอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นแชมป์

แต่ในทางปฏิบัติของกีฬา F1 แล้ว มันเป็นเรื่องยากเหลือเกิน ที่แม็กซ์ จะชนะในทุกการแข่งขันที่เหลืออยู่ ทว่าในทางตรงกันข้าม มันก็ไม่ง่ายสำหรับแม็คลาเรน และ ออสการ์ ปิอัสทรี เช่นกัน ที่จะคว้าอันดับ 2 ได้ทุกสนามที่เหลือ

ยิ่งเมื่อมองกลับไปใน 3 เรซล่าสุด นั่นคือออสการ์ ไม่มีโพเดียมเลย แถมต้องจบแบบไร้แต้มในอาเซอร์ไบจานด้วยแล้ว สถานการณ์ของเขาดูจะยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่ แลนโด ที่ดูเหมือนสถานการณ์ในระยะหลังจะดีกว่าออสการ์ จากการมี 3 โพเดียมใน 4 เรซหลัง และมีข่าวลือว่า ทีมสนับสนุนให้เขาเป็นมือ 1 ของทีมมากกว่านักขับชาวออสเตรเลีย แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์ก็ยังน่าห่วง

เขานำแม็กซ์ อยู่ 26 แต้ม และตามหลัง ออสการ์ อยู่ 14 แต้ม ด้วยช่องว่างนี้ มันเป็นไปได้ที่เขาจะคว้าแชมป์โลกเช่นกัน แต่นั่นคือเขาเองก็ต้องแข่งขันกับทั้ง ศัตรูภายนอกอย่างแม็กซ์ และเอาชนะเพื่อนร่วมทีมภายในอย่าง ออสการ์ด้วย

ด้วยสถานการณ์ การไม่มีมือ 1 ที่ชัดเจนของ แม็คลาเรน อาจจะทำให้ไม่เห็นการลดลาวาศอกภายในทีม การแข่งขันกันเองจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายฝ่ายกลัวภาพที่เกิดขึ้นในสปรินท์เรซที่ ออสติน จะเกิดขึ้นซ้ำอีก เพราะคู่หูคู่นี้ก็ต่างอยากที่จะเป็นแชมป์โลก

ณ ปัจจุบัน คนที่มีโจทย์ง่ายที่สุด จึงกลายเป็น แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ที่รั้งในอันดับ 3 ในตารางคะแนนประเภทบุคคล แต่มีผลงานดีที่สุดในระยะหลัง

ซูเปอร์แม็กซ์ ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาขับแบบที่เขาถนัด และทำผลงานต่อไปใน 5 เรซที่เหลือ เพื่อลดช่องว่าง 40 คะแนน ลงให้มากที่สุด โดยไม่ต้องมาระแวงอะไร

คำตอบของคำถามที่ 2 ที่ว่า “สถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน?” แม้เราจะยังไม่เห็นผู้ชนะที่ชัดเจน แต่เราก็พอจะเห็นแล้วว่า

ตัวแปรที่น่ากลัวที่สุดในการคว้าแชมป์โลกประเภทบุคคลในตอนนี้ คือ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเขาจะยังรั้งที่ 3 ในตารางคะแนนรวมก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งหมดนี้เป็นแค่บทวิเคราะห์ และความน่าจะเป็นเท่านั้น เพราะผลลัพธ์ที่แท้จริง จะอยู่ในสนามแข่ง ไม่ว่าจะเป็น เฮอร์มานอส โรดริเกวซ, อินเตอร์ลากอส, ลาสเวกัส สตริป, ลูแซล เซอร์กิต หรือ ยาสมารีนา เซอร์กิต…ก็ตาม

ภาพ: Mark Sutton – Formula 1 / Getty Images

อ้างอิง: