สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงสันติภาพ โดยใช้ชื่อว่า ‘คำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา’ เพื่อลงนามใน ASEAN Summit 2025 พร้อมยื่นเงื่อนไข 4 ข้อให้ทุกฝ่ายยอมรับ และจัดแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม ชี้กัมพูชาแสดงท่าทีที่ดี และหาทางออกไปข้างหน้ากับไทย
สีหศักดิ์เปิดเผยว่า วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการประชุม 4 ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ได้แก่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไทย, กัมพูชา, มาเลเซีย รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่ดำเนินต่อเนื่องจากการประชุม UN ที่นิวยอร์ก
ประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้ คือ การจัดทำร่างเอกสารที่เรียกว่า ‘คำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา’ หรือการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ โดยทางการไทยมีเงื่อนไขสำคัญ 4 ข้อ ตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ไทยได้เสนอไปให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และทางการกัมพูชา ได้แก่
1.การถอนอาวุธหนัก
2.การกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน
3.ไทย-กัมพูชาต้องร่วมกันปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกคนให้ความสนใจ และไทยมีความจริงจังดำเนินการในเรื่องนี้
4.การจัดการรุกล้ำบริเวณชายแดน
สีหศักดิ์ระบุว่า การเจรจาเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อมีความคืบหน้า โดยมีการตกลงเรื่องการถอนกำลังและการกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงจะมีการเจรจาแผนงาน หรือรายละเอียดเพิ่มเติมในการประชุม GBC (General Border Committee) ในวันที่ 20-21 ตุลาคมนี้ เนื่องจากเนื้อหาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ และทางการไทยต้องการสร้างความมั่นใจว่า กัมพูชาจะดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งรวมไปถึงเงื่อนไขอีก 2 ข้ออย่างการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ และการจัดการการรุกล้ำบริเวณชายแดน ที่ต้องเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า ทางการไทยก็ต้องการรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมและชัดเจน จากการจัดทำคำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาขึ้นว่า ทั้งสองประเทศจะดำเนินอย่างไรต่อ
“เราอยากได้ไปไกลกว่านั้น อยากได้รายละเอียดว่า สิ่งเหล่านี้จะดำเนินการอย่างไร เราต้องมีความมั่นใจว่า มีการดำเนินการ เพราะท่านนายกฯ พูดเสมอว่า เงื่อนไข 4 ข้อเป็นประเด็นสำคัญ ขณะเดียวกัน เราก็ต้องชัดเจนด้วยว่า เราจะปฏิบัติกันอย่างไร ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตกลงในหลักการเฉยๆ”
สีหศักดิ์ยังอธิบายว่า ทางการไทยได้หยิบยกประเด็นการปล่อยเชลยศึก 18 คนมาเจรจากับกัมพูชาจริง เพราะต้องการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แต่ในเอกสารคำประกาศฯ ทางการไทยระบุไว้ชัดเจนว่า ข้อตกลงทุกอย่างต้องดำเนินการจริง จึงพิจารณาทำตามเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่นายกฯ ระบุไว้
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า จะมีการประชุม GBC ที่กำลังจะถึง ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมทั้ง 2 ฝ่าย ต้องมารับรองเอกสารกัน หลังจากนั้นจึงผ่านกระบวนการภายในประเทศ คือ เข้าคณะรัฐมนตรี โดยเรื่องการปล่อยเชลยศึกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมด
“ต่อไปเราก็คงจะมองไปข้างหน้าว่า เราจะดำเนินมาตรการที่สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือบรรยากาศที่ดีขึ้นในความสัมพันธ์กันอย่างไร”
นอกจากนี้ สีหศักดิ์เปิดเผยว่า เอกสารคำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จะใช้ในการทำข้อตกลงร่วมกันใน ASEAN Summit 2025 ที่กำลังจะถึง โดยมาเลเซียและสหรัฐฯ ต้องการไทยและกัมพูชาลงนามในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งทรัมป์จะมาร่วมด้วย
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศทิ้งท้ายว่า คำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีความคืบหน้าในส่วนเอกสารหลัก ซึ่งหลังจากนี้ มีการเจรจาลงรายละเอียด และแผนงานที่ชัดเจน ณ การประชุมกัวลาลัมเปอร์ และการประชุม GBC โดยหากตกลงกันเรียบร้อย แต่ละฝ่ายต้องดำเนินการภายใน คือ เข้าคณะรัฐมนตรี และลงนามในการประชุม ASEAN Summit 2025 ต่อ
“ขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี หลังจากการพูดคุยอย่างจริงจัง ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาด้วย คือท่าทีของเราต้องแสดงความพร้อม ความจริงใจ จริงจัง ซึ่งในการประชุมเมื่อวานนี้ กัมพูชาก็แสดงท่าทีที่ดี และพยายามจะหาทางเดินไปข้างหน้าด้วยกัน” สีหศักดิ์ระบุ
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ