วันนี้ (10 ตุลาคม) พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ บ้านหนองจาน และ บ้านหนองหญ้าแก้ว อย่างใกล้ชิด โดยได้เข้าร่วมประชุมและรับฟังสรุปสถานการณ์ที่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ร่วมกับ ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้แทนระดับกองทัพภาค ใช้เวลาในการประชุมเกือบ 2 ชั่วโมง
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ท.อดุลย์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นไปตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้มาตรวจสอบความพร้อมของทั้ง กำลังพล และ ยุทโธปกรณ์ ที่จะใช้ในการปกป้องและรักษาอธิปไตยของชาติให้เป็นไปตามหลักสากล โดยยืนยันว่า ไทยมีความพร้อมทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชามีการรวมตัวกันในพื้นที่ พล.ท.อดุลย์ ระบุว่า เป็นเรื่องของเขา อธิปไตยของชาติเราต้องมาก่อน พร้อมยืนยันว่ากำลังพลของไทยมีเพียงพอเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ส่วนกรณีที่กัมพูชาทำหนังสือขอให้ไทยยุติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงว่า เป็น กระบวนการขั้นตอนที่เราต้องทำในพื้นที่ของเรา การเก็บกู้ทุ่นระเบิดถือเป็นขั้นตอนทั่วไปในการเคลียร์วัตถุระเบิดในพื้นที่ปฏิบัติการหรือพื้นที่ทำงาน และยืนยัน 100% ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทย ที่เคยอนุญาตให้กัมพูชาพักพิงมานานแล้ว โดยเน้นย้ำว่าไทยดำเนินการมาในเส้นทางที่ถูกต้องตามหลักสากลทุกประการ
พล.ท.อดุลย์ ระบุต่อว่า ที่ผ่านมาไทยได้เสนอแผนการอพยพประชาชนให้กับกัมพูชาทั้งในระดับพื้นที่ ระดับกองทัพภาค (RBC) รวมถึงการหารือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย แต่ทางกัมพูชา ไม่ทำตามข้อเสนอ ทำให้ไทยจำเป็นต้องเดินตามเส้นทางที่ถูกต้องตามหลักสากล ในขณะที่กัมพูชากลับบิดเบือนข้อเท็จจริง ยั่วยุ สร้างสถานการณ์ต่าง ๆ และแสดงบทเหยื่อในเวทีโลก
สำหรับแผนการผลักดันจะเริ่มปฏิบัติการวันนี้เลยหรือไม่นั้น พล.ท.อดุลย์กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ส่วนการที่ฝ่ายปกครองมีการติดป้ายไวนิลในพื้นที่ทางเข้าบ้านหนองจานถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมและเกื้อกูลต่อการปฎิบัติ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามหลักสากล
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยังได้ส่งกำลังใจถึงทหารแนวหน้าให้ทำงานอย่างเต็มที่และมีอิสระในการทำงาน พร้อมฝากถึงประชาชนว่า ตนเองและทหารแนวหน้าก็อึดอัด เช่นกันกับการที่กัมพูชาไม่ทำตามกติกาและไม่เดินในเส้นทางที่ถูกต้อง หากการประชุม GBC และ JBC ยังมีข้อขัดข้องอีก ไทยก็ต้องสงวนสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และย้ำหนักแน่นว่าแผ่นดินไทยต้องเป็นของไทย เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ทั้งนี้ พล.ท.อดุลย์ ยืนยันว่าถึงแม้จะมีการใช้ กฎอัยการศึก แต่การปฏิบัติการในพื้นที่เป็นการทำงานร่วมกันของ กำลังตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลทั้งหมด และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพ เนื่องจากในเรื่องการปกป้องอธิปไตยของชาติ ประชาชนและกองทัพถือเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน
