วันนี้ (7 ตุลาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.968/2561 ที่พนักงานอัยการฟ้อง วีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. พร้อมแกนนำและแนวร่วมรวม 13 คน
ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 13 เมษายน 2552
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย โดยเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดและคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจที่สอดคล้องกัน แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ของจำเลยที่เป็นแกนนำและผู้สั่งการในการจัดชุมนุมปราศรัย ยึดและเผารถโดยสารสาธารณะ ปิดทางเข้าสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมถึงบุกไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี (ขณะนั้น) ซึ่งเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตของการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
ศาลพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด โดยมีคำสั่งลงโทษ ดังนี้:
- จำคุก 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา: วีระกานต์ มุสิกพงศ์ (จำเลยที่ 1), จตุพร พรหมพันธุ์ (จำเลยที่ 2), ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (จำเลยที่ 3), นพ.เหวง โตจิราการ (จำเลยที่ 4) และ อดิศร เพียงเกษ (จำเลยที่ 11) ซึ่งเป็นแกนนำและผู้สั่งการ
หมายเหตุ: โทษเดิม 6 ปี 6 เดือน (ฐานมั่วสุม 6 ปี, ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 6 เดือน) ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือ 4 ปี 4 เดือน
- จำคุก 4 เดือน ไม่รอลงอาญา: สิระ พิมพ์กลาง (จำเลยที่ 5), วิภูแถลง พัฒนภูมิไท (จำเลยที่ 7), พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ (จำเลยที่ 8), พายัพ ปั้นเกตุ (จำเลยที่ 9) และ เมธี อมรวุฒิกุล (จำเลยที่ 13) ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
- ยกฟ้อง: ณรงศักดิ์ มณี (จำเลยที่ 6) และ พงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง (จำเลยที่ 10)
ภายหลังการอ่านคำพิพากษา ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมดระหว่างการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล.