การปรากฏตัวของ Cate Blanchett ในฐานะ Global Brand Ambassador คนล่าสุดของ UNIQLO ณ LifeWear Day 2025 ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) นครนิวยอร์ก สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ร่วมงานอย่างยิ่ง ไม่เพียงเพราะชื่อเสียงของเธอ แต่ยังรวมถึงหัวใจด้านมนุษยธรรมและจุดยืนอันแน่วแน่เรื่องความยั่งยืนที่เธอได้แบ่งปัน ซึ่งสะท้อนตัวตนและดีเอ็นเอของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อ่านเพิ่มเติม: UNIQLO LifeWear: 6 เรื่องราวเบื้องหลังจากนิวยอร์กที่จะเปลี่ยนมุมมองคุณตลอดไป
แต่เรื่องราวเบื้องหลังการร่วมงานครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นเพียงแค่ประตูบานแรก ที่เปิดให้เราได้เข้าไปสำรวจความคิดและวิสัยทัศน์ของ Koji Yanai ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสแห่ง Fast Retailing (บริษัทแม่ของ UNIQLO) และบุตรชายของผู้ก่อตั้ง Tadashi Yanai
เราต้องยอมรับว่าตอนแรกแอบเกร็งกับภาพลักษณ์ของผู้นำระดับโลก แต่ Koji Yanai ที่เราได้พบในวงสนทนากลุ่มวันนั้นน่ารักและอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ และนั่นทำให้เราเข้าใจในทันทีว่า ‘หัวใจ’ ที่ Cate Blanchett พูดถึง อาจเริ่มต้นจากตัวตนที่ใจดีของผู้นำคนนี้นี่เอง
บทสนทนาของเราจึงเริ่มต้นจากจุดนั้น และขยายวงกว้างไปสู่แก่นแท้ของปรัชญา LifeWear ในเวลาต่อมา
วิสัยทัศน์เบื้องหลังการร่วมงานกับ Cate Blanchett คืออะไร
Koji Yanai: ในปี 2023 ตอนที่ผมไปร่วมงาน Global Refugee Forum โชคดีมากที่ผมได้นั่งทานดินเนอร์โต๊ะเดียวกับ Cate และสมาชิกท่านอื่นๆ ตอนนั้นเราได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีที่เราจะสามารถช่วยเหลือผู้ลี้ภัยหรือผู้ที่ต้องพลัดถิ่น
สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากคือท่าที พฤติกรรม และความตั้งใจจริงของเธอในการอยากมีส่วนร่วมและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หลังจากงานดินเนอร์คืนนั้น เราได้แลกอีเมลกัน และทุกคนที่อยู่โต๊ะเดียวกันก็ยังคงสานต่อการพูดคุยว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร
บทสนทนาของเราก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากครับ ว่าเราจะยกระดับความสัมพันธ์ของเราได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ในเรื่องของ Displacement Film Fund (กองทุนภาพยนตร์สำหรับผู้พลัดถิ่น) แต่ในฐานะ Global Brand Ambassador ด้วย
ผมรู้สึกว่าปรัชญาที่เธอเชื่อ กับปรัชญาที่ UNIQLO ยึดถือ มันไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกันมาก ทำให้การพัฒนาความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติครับ
เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าปรัชญาเหล่านั้นเป็นแบบไหน และอะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่า “โอเค คนนี้แหละใช่เลย”
Koji Yanai: จริงๆ แล้วเธอเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก และยังเคยได้รับรางวัลออสการ์ถึงสองครั้ง แต่เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นภรรยา และเป็นคุณแม่ของลูกสี่คน
ดังนั้น ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอจึงไม่ใช่อาชีพการงาน แน่นอนว่านั่นก็เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากนะครับ แต่เราคิดว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอคือการเลี้ยงลูกทั้งสี่ในฐานะแม่คนหนึ่ง และนั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเธออย่างแท้จริง
เรายังชื่นชมการอุทิศตัวของเธอในการสนับสนุนผู้พลัดถิ่น รวมถึงกิจกรรมด้านมนุษยธรรมที่เธอทำมาตลอด
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ในเส้นทางอาชีพเท่านั้น แต่ทั้งบทบาททางสังคมและกิจกรรมเพื่อสังคมของเธอ ทำให้ Cate เป็นคนที่เหมาะสมกับ UNIQLO และ LifeWear อย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ ครับ
เครดิตภาพ: Nico Bustos
ตอนที่ Cate ได้ยินปรัชญา LifeWear ของ UNIQLO ครั้งแรก เธอมีคำถามอะไรกับคุณไหมเกี่ยวกับปรัชญานี้
Koji Yanai: ไม่เลยครับ จริงๆ แล้วเธอเข้าใจคุณค่าของ LifeWear และของ UNIQLO เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมาร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะเธอเองก็เป็นผู้บริโภคที่ใช้สินค้าของเราอยู่แล้ว เธอซึมซับคุณค่านี้ได้จากประสบการณ์ตรงในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นเธอจึงไม่มีคำถามอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรา แต่สิ่งที่เธออยากรู้คือเรื่องการทำงานจริงว่า UNIQLO ทำอะไรบ้าง เช่น การสนับสนุนแรงงานในโรงงาน, การส่งเสริมพลังของผู้หญิง, การช่วยเหลือผู้ลี้ภัย รวมถึงงานด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) ต่างๆ เธอมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เพราะเธอจะถูกถาม… เหมือนที่คุณกำลังถามอยู่ตอนนี้ (หัวเราะ) และเธออยากตอบได้อย่างจริงใจ
เครดิตภาพ: Nico Bustos
การร่วมงานกับ Cate จะช่วยขยายการเข้าถึงของ UNIQLO ไปในวงกว้างได้อย่างไรบ้าง
Koji Yanai: พลังของภาพยนตร์นั้นยิ่งใหญ่มากครับ และ Cate เองก็มีเครือข่ายที่แข็งแรง สามารถเข้าถึงผู้คนที่หลากหลาย ทั้งเจเนอเรชัน เพศ และเชื้อชาติ นั่นเป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากเธอ
คุณมีเกณฑ์ในการเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ไหม
Koji Yanai: ไม่มีเกณฑ์ที่ตายตัวครับ แต่ก่อนที่เราจะเซ็นสัญญา สิ่งสำคัญคือเราต้องไปพบคนคนนั้นด้วยตัวเอง ไม่ใช่ผ่านเอเจนต์ เราจะพยายามหาทางเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารกับคนๆ นั้นโดยตรง และไม่ใช่เพื่อการพูดคุยเชิงงาน แต่เป็นการพูดคุยส่วนตัว
โอกาสและช่วงเวลาแบบนั้นสำคัญมากในการที่จะได้รู้ว่าเขาหรือเธอเป็นคนอย่างไร ทุกคนที่เราเคยร่วมงานด้วย เราได้มีโอกาสพูดคุยโดยตรงก่อนเสมอครับ
มีอะไรที่คุณได้เรียนรู้จาก Cate และ Cate ได้เรียนรู้จากคุณบ้างไหมระหว่างการทำงานร่วมกัน
Koji Yanai: นี่เป็นปีแรกของความสัมพันธ์กับเธอ ดังนั้น ผมคิดว่าการทำความรู้จักซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญมาก แน่นอนว่าผมต้องเรียนรู้จากเธอ และเราทุกคนก็ควรได้เรียนรู้จากเธอ แต่ในขณะเดียวกันผมคิดว่าเธอก็ได้เรียนรู้อะไรจากเราด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีมากครับ
แน่นอนว่าเธอจะอยู่ในแคมเปญในอนาคต และเราจะได้เห็นความเป็นมืออาชีพของเธอมากขึ้น ซึ่งผมตั้งตารอจริง ๆ รวมถึงรอดูปฏิกิริยาของลูกค้าด้วย
เครดิตภาพ: Nico Bustos
แคมเปญจะปล่อยเมื่อไหร่ มีกำหนดการหรือถ่ายทำไปแล้วหรือยัง
Koji Yanai: (หัวเราะ) ยังเป็นความลับครับ แต่ยืนยันได้เลยว่าเธอจะอยู่แน่นอน
ถ้าเปรียบ Cate เป็นเทคโนโลยีของ UNIQLO เช่น HEATTECH ในมุมมองของคุณ ฟังก์ชันพิเศษของเธอจะเป็นอะไร
Koji Yanai: (ยิ้ม) จริงๆ แล้ว เธอใช้ HEATTECH อยู่แล้วครับ เวลาที่เธอไปถ่ายทำภาพยนตร์ หรือแม้แต่ตอนทำสวน เล่นกับลูกๆ เธอก็สวมใส่ UNIQLO ในชีวิตประจำวัน และเธอก็ชอบเทคโนโลยีอย่าง AIRism และอื่นๆ
ในมุมส่วนตัว ผมตั้งตารอที่จะได้รับฟีดแบ็กจากเธอเกี่ยวกับเสื้อผ้าของเรา เช่น “เฮ้ Koji ตรงนี้ยังไม่ดีนะ” หรือ “ตรงนี้น่าจะปรับปรุงได้อีก” ฟีดแบ็กแบบนั้นมีคุณค่ากับเรามากๆ ครับ
จริงๆ แล้ว ตอนที่ผมทำงานร่วมกับ Roger Federer, Adam Scott, Shingo Kunieda, Kei Nishikori, Gordon Reid, Ayumu Hirano ฟีดแบ็กที่พวกเขาให้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรานั้นสำคัญและมีค่าอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพของเสื้อผ้าสำหรับลูกค้ารายอื่นๆ อย่างเช่น กางเกง KANDO PANTS (ULTRA LIGHT PANTS) ตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากคำขอของ Adam ครับ (Koji ชี้ไปยังกางเกงที่ตนสวมใส่)
Adam Scott
ตอนที่เซ็นสัญญากับเขา เรายังไม่มีกางเกงผ้ายืดในคอลเล็กชันของเราเลย เขาเลยขอให้เราทำกางเกงที่ยืดหยุ่นได้สำหรับใส่เล่นกอล์ฟ เราก็เลยพัฒนาตัวนี้ขึ้นมาเพื่อเขา แต่สุดท้ายฟังก์ชันนี้กลับเป็นประโยชน์กับคนทั่วไปด้วย อย่างเช่น นักธุรกิจที่ใส่ทำงาน
เพราะฉะนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเสียงของลูกค้าและแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถือว่าสำคัญและมีคุณค่ามาก โดยเฉพาะกับ Cate ที่ผมมั่นใจว่าเธอมีมุมมองที่ละเอียดอ่อนมากๆ ซึ่งจะช่วยให้เราได้อินไซต์ใหม่ๆ ผมจึงตั้งตารอคอยฟีดแบ็กจากเธอจริงๆ ครับ
เราจะเฝ้ารอ HEATTECH ในเวอร์ชัน Cate นะ
Koji: (หัวเราะ) ได้เลยครับ
สารสำคัญที่สุดที่คุณอยากให้การร่วมงานครั้งนี้ส่งต่อไปถึงคนทั่วโลกคืออะไร
Koji Yanai: ‘What Makes Life Better?’ ครับ มันเป็นคีย์เวิร์ดที่ทำให้ Cate ประทับใจมาก จริงๆ แล้วเราทำแคมเปญ What Makes Life Better? ไปเมื่อปีที่แล้ว กับ Roger Federer, Christophe Lemaire, Sarah-Linh Tran, Clare Waight Keller และ Jonathan Anderson
พอเธอได้เห็นแคมเปญนั้น เธอก็อยากมีส่วนร่วมด้วย และผมคิดว่าสารนี้ What Makes Life Better? สำคัญมากในยุคนี้ ว่าเราจะสามารถมีส่วนร่วมทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นได้อย่างไร ผ่านความร่วมมือครั้งนี้ แน่นอนว่าเธอจะทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วย ไม่ใช่แค่แคมเปญโฆษณาอย่างเดียว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมตั้งตารอว่าเราจะสามารถสร้างประโยชน์ต่อชุมชน และต่อโลกได้อย่างไร ผ่านความร่วมมือครั้งนี้ครับ
ในแง่ของความยั่งยืน UNIQLO มีแนวทางใหม่ๆ ที่กำลังเดินไปไหม
Koji Yanai: จริงๆ แล้วทุกวันนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ คำจำกัดความของ ‘เสื้อผ้าที่ดี’ กำลังเปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับในอดีต แต่ก่อนเสื้อผ้าที่ดีหมายถึงผ้าที่ดี ดีไซน์ดี ทรงสวย สีสันสวย แต่ตอนนี้ ‘ความยั่งยืน’ ถูกเพิ่มเข้ามาในคำนิยามนั้น
เพราะฉะนั้นในฐานะแบรนด์เสื้อผ้า เราจำเป็นต้องตอบโจทย์ความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ ด้วยการจัดการประเด็นด้านความยั่งยืนในซัพพลายเชนของเรา
ความยั่งยืนจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมจากคนรุ่นใหม่ครับ
ในฐานะผู้นำด้านการตลาดแบรนด์ระดับโลกและความยั่งยืน คุณมองเรื่องราวระดับโลกของ UNIQLO ผ่านวัฒนธรรมและ LifeWear อย่างไร และอะไรทำให้กลยุทธ์นี้โดดเด่นในตลาดโลกที่แข่งขันสูง
Koji Yanai: หนึ่งในตัวอย่างที่ดีก็คือ เรามีอีเวนต์ (LifeWear Day 2025) ที่ยอดเยี่ยมมากที่ MoMA ซึ่งโดยปกติแล้วเขาไม่ค่อยอนุญาตให้ใช้ตัวอาคารเป็นสถานที่จัดงานแถลงข่าว แต่ด้วยความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดี เราจึงสามารถจัดงานที่นั่นได้
นั่นเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี เพราะ UNIQLO มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะสนับสนุนงานศิลปะ ด้วยการนำงานศิลป์มาถ่ายทอดบนเสื้อผ้า
เรายังมีความสัมพันธ์อันดีกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆ อย่างเช่น Louvre ที่ฝรั่งเศส, Tate ที่สหราชอาณาจักร, Boston ในสหรัฐฯ ซึ่งผมคิดว่าความร่วมมือเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าพวกเราเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมได้อย่างไร
นอกจากนี้เรายังมีคอลลาบอเรชันอีกมากมายในโปรแกรม UT (UNIQLO T-shirts) ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับศิลปิน ช่างภาพ มังงะ อนิเมะ หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมอาหาร
ทุกครั้งที่เราเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ เราจะพยายามสร้างความร่วมมือกับวัฒนธรรมท้องถิ่น คาเฟ่ท้องถิ่น ร้านดอกไม้ท้องถิ่น ร้านขนมท้องถิ่น
ผมคิดว่าการเคารพในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นเหล่านั้นเป็นหนึ่งในจุดแข็งของแบรนด์เราครับ
คุณมีวิสัยทัศน์อย่างไรสำหรับ UNIQLO ในอีก 5 ปีข้างหน้า
Koji Yanai: เราอยากให้คนจดจำเราในฐานะแบรนด์เสื้อผ้าที่รับฟังเสียงของลูกค้าอย่างจริงจังและใส่ใจ จริงๆ แล้วเราได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้าปีละ 30 ล้านข้อความ และยิ่งเรามีจำนวนสาขามากขึ้นเท่าไร เสียงของลูกค้าที่เราจะได้รับก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ผมคิดว่าเราต้องรับฟังเสียงของลูกค้าอย่างรอบคอบ และพยายามนำความต้องการเหล่านั้นมาปรับใช้กับเสื้อผ้าและบริการในร้านของเรา นั่นคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จในอนาคตของเราครับ
ภาพ: UNIQLO, Nico Bustos