การมาถึงของ iPhone 17 ไม่ใช่เป็นเพียงการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ทุกคนต่างจับจ้อง ทันทีที่งานเปิดตัวเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 9 กันยายน 2568 ทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็ได้กลายเป็นพื้นที่สะท้อนความคิดเห็นอย่างดุเดือด
สะท้อนให้เห็นว่า iPhone ได้ก้าวข้ามการเป็นเพียงอุปกรณ์สื่อสาร แต่เป็นส่วนหนึ่งของ Pop Culture ที่สามารถกำหนดทิศทางบทสนทนาของผู้คนในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ใช้เครื่องมือ dxt:360 เพื่อติดตามและวิเคราะห์เสียงสะท้อนของผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม – 22 กันยายน 2568 ซึ่งครอบคลุมทั้งช่วงก่อนและหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว การพูดถึง iPhone 17 ได้สร้างยอด Engagement รวมบนโซเชียลมีเดียสูงถึง 8,614,245 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าความสนใจของผู้บริโภคต่อ iPhone ยังคงเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย
กระแสความสนใจนี้ถูกขับเคลื่อนอย่างทรงพลังผ่านการใช้แฮชแท็ก โดย #iPhone17, #iPhone17Pro, #Apple และ #AppleEvent รวมกันคิดเป็น 55.2% ของการใช้แฮชแท็กทั้งหมด
เมื่อเจาะลึกลงไปใน 8 ประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงมากที่สุด พบว่าประเด็นที่ได้รับ Engagement สูงสุดคือ Review (19.5%) ซึ่งหลังจบงานเปิดตัว รีวิวจากกูรูและอินฟลูเอนเซอร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางของบทสนทนา ผู้คนต่างนำรีวิวเหล่านี้มาอ้างอิง เปรียบเทียบกับข่าวลือ และถกเถียงถึงประสบการณ์การใช้งานจริง
ตามมาด้วย Comparison (17.1%) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบทั้งกับแบรนด์คู่แข่ง (14.1%) และ iPhone รุ่นก่อนหน้า (3%) แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคต้องการข้อมูลรอบด้านเพื่อชั่งน้ำหนักความคุ้มค่า
สิ่งที่น่าสนใจคือประเด็นด้านรูปลักษณ์ภายนอกอย่าง Appearance & Design (16.8%) ได้รับความสนใจมากกว่าคุณสมบัติด้าน Features (10.9%) เกือบเท่าตัว โดยผู้บริโภคให้ความสนใจกับการปรับตำแหน่งกล้อง วัสดุที่เปลี่ยนไป และโดยเฉพาะสีใหม่อย่าง ส้มคอสมิก ซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญที่สร้างกระแสพูดคุยได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟีเจอร์ใหม่ๆ ถูกมองว่าอาจยังไม่โดดเด่นพอที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ชัดเจนนัก
ประเด็นด้าน Price (14.1%) และ Promotion (8%) ยังคงเป็นเรื่องร้อนแรง โดยเฉพาะคำถามเรื่องความคุ้มค่าและกลยุทธ์การตั้งราคาในประเทศไทยที่ผู้บริโภคมองว่าไม่ได้ลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้โปรโมชั่นจากผู้ให้บริการเครือข่ายยิ่งมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อ
นอกจากนี้ ประสบการณ์รอบด้านอย่าง Apple Event (8.2%) และการทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นใน Ecosystem (5.4%) ก็ยังคงเป็นจุดแข็งที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้บริโภคเริ่มได้รับเครื่องตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนเป็นต้นมา กระแสการสนทนาก็ได้เปลี่ยนจากความตื่นเต้นในวันเปิดตัว มาสู่เสียงสะท้อนจากการใช้งานจริง ซึ่งประเด็นปัญหาด้านคุณภาพและความทนทานได้กลายเป็นข้อถกเถียงที่ร้อนแรงบนโซเชียลมีเดีย
ผู้ใช้บางส่วนได้แชร์ภาพตัวเครื่องที่มีรอยถลอกและสีลอกง่ายแม้ใช้งานได้ไม่นาน ซึ่งสร้างความผิดหวังและไม่สมกับราคาที่จ่ายไป
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องเครื่องร้อนเมื่อใช้งานหนัก และปัญหาโครงสร้างที่เปราะบางของ iPhone 17 Pro Series บริเวณข้อต่อเสาอากาศ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับดีไซน์ใหม่ที่แม้จะช่วยเรื่องการรับสัญญาณ แต่ก็อาจลดทอนความแข็งแรงทนทานลง
จนเกิดเสียงวิจารณ์ว่า ‘ใช้วัสดุและโครงสร้างเดิมยังทนทานกว่า’ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้กระทบต่อความมั่นใจในการใช้งานระยะยาวของผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย
เสียงสะท้อนเชิงลบเหล่านี้ถูกขยายผลอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความคาดหวังของผู้บริโภคที่สูงเป็นพิเศษต่อแบรนด์ Apple ซึ่งสื่อสารถึงมาตรฐานระดับสูงสุดมาโดยตลอด
ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเพียงบางกรณี แต่ก็ได้กลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่ทำให้เกิดคำถามว่า Apple ยังคงรักษามาตรฐานที่เป็นจุดแข็งของตนเองได้จริงหรือไม่ ซึ่งเสียงของผู้ใช้งานจริงเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่ยังเป็นบททดสอบความสามารถในการรับมือและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในระยะยาว
ภาพ: ฐานิส สุดโต / THE STANDARD