หากเราเปรียบเทียบ AI กับกาแฟ AI ที่เป็นโมเดลแบบปิด (Closed-source model) ก็เหมือนกับ ‘กาแฟซองสำเร็จรูปทั่วไป’ ที่สะดวก รวดเร็ว และได้มาตรฐาน และเราเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าส่วนผสมข้างในมีอะไรบ้าง
ตรงกันข้ามกับโมเดลแบบเปิด (Open-source model) ซึ่งเปรียบเทียบได้กับ ‘เมล็ดกาแฟ’ ที่เรารู้ถึงที่มาที่ไป รู้ถึงวิธีการคั่ว และเรายังสามารถบด ผสม หรือชงออกมาได้ตามสไตล์ของตัวเอง เราจึงมีสูตรกาแฟที่เป็นของเราเองโดยสามารถสร้างสรรค์ได้ตามแบบที่เราชอบ
การเปรียบเปรยเช่นนี้ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น ระหว่าง ‘โมเดลปิด’ และ ‘โมเดลเปิด’ และเมื่อมองไปยังประเทศมหาอำนาจด้าน AI ของโลก เราจะเห็นการผสมผสานที่แตกต่างกันซึ่งหล่อหลอมเป็นชุมชน AI ที่น่าสนใจ
ในสหรัฐอเมริกา แนวโน้มส่วนใหญ่จะโน้มเอียงไปทาง ‘กาแฟซอง’ หรือ ‘โมเดลแบบปิด’ บริษัทใหญ่อย่าง OpenAI และ Anthropic เก็บโมเดลภาษา (Language Model) ที่ทรงพลังที่สุดไว้เป็นความลับ แล้วเปิดให้คนทั่วไปเข้าถึงผ่านระบบ API (Application Programming Interface) ซึ่งก็คือเหมือน ‘ท่อเชื่อม’ ที่ทำให้โปรแกรมหรือบริการของเราเรียกใช้งาน AI ของพวกเขาได้
โมเดลธุรกิจแบบนี้สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล โดยในปี 2024 บริษัท AI ในสหรัฐฯ สามารถระดมทุนจากเอกชนได้ถึง 109.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งโมเดลปิดแบบนี้มีข้อดีคือบริษัทที่ให้บริการสามารถควบคุมการใช้ได้อย่างแน่นหนา เน้นประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ แต่ก็จะจำกัดความยืดหยุ่นในการใช้งาน
แต่สำหรับประเทศจีนนั้น กลับเลือกอีกเส้นทางหนึ่ง คือการโฟกัสที่ ‘เมล็ดกาแฟ’ หรือโมเดลแบบเปิด นักพัฒนาจำนวนมากปล่อยโมเดลภาษาแบบเปิดให้คนทั่วไปนำไปใช้งานและต่อยอดได้อย่างอิสระ ส่งผลให้เกิดการใช้งานแพร่หลายและได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว AI หลายตัวในจีนสามารถทำผลงานได้ดีในระดับท็อปบนกระดานจัดอันดับโลกได้ จึงทำให้จีนถูกมองว่าเป็นพลังหลักของการพัฒนา Open-source model
สำหรับจีน โมเดลเปิดนี้ได้ช่วยเร่งการสร้างระบบนิเวศ AI ในประเทศจีนให้เติบโตขึ้นและยังลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับ AI จากฝั่งของสหรัฐอเมริกาลง โดยในปี 2024 สถาบันและองค์กรต่างๆ ของสหรัฐฯ สามารถผลิตโมเดล AI ที่โดดเด่นได้ถึง 40 โมเดล เมื่อเทียบกับ 15 โมเดลจากจีน¹ แต่ผลการทดสอบมาตรฐาน (benchmark) ช่องว่างนี้กำลังขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นทุกๆ วัน
ที่ SCBX Group เรามองปรากฏการณ์นี้ด้วยมุมมองที่เป็นกลาง โดยการเป็น ‘model-agnostic’ หรือไม่ยึดติดกับโมเดลใดโมเดลหนึ่ง ทำให้เราเห็นคุณค่าและข้อดีจากทั้งสองฝั่ง อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า Open-source model มีข้อได้เปรียบเฉพาะหลายประการ เช่น ความสามารถในการปรับแต่งได้มากกว่า (Customizability) ความโปร่งใส (Transparency) ที่ช่วยสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจได้ง่าย รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูล (Data Privacy) ที่ครอบคลุมทั้งการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น วิสัยทัศน์ของเราที่อยู่เบื้องหลัง Typhoon โมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่ (Large Language Model) แบบ Open-source ที่ SCBX ร่วมกับ SCB10X สร้างขึ้นมา มีเป้าหมายไม่ใช่แค่เปิดให้คนไทยเข้าถึงได้ฟรี แต่ยังมุ่งไปที่นักพัฒนา นักวิจัย และภาคธุรกิจ เพื่อให้สามารถนำโมเดลไปใช้สร้างสรรค์ และต่อยอดงานได้จริง ที่สำคัญเรายังแบ่งปันองค์ความรู้และวิธีการสร้างโมเดล เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศ AI ไทย และช่วยให้คนไทยสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
และนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องอนาคตในระดับประเทศเท่านั้น แต่ Open-source model ยังสร้างประโยชน์จริงให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (SME) ด้วย สำหรับ SME ข้อได้เปรียบนี้จะยิ่งเห็นได้ชัด เพราะสามารถนำโมเดลขนาดเล็กมารันบนคอมพิวเตอร์ของตนเองได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายครั้งเหมือนผู้ให้บริการ Closed-source model ตัวอย่างเช่น โรงแรมบูติกเล็กๆ อาจใช้เซิร์ฟเวอร์ต้นทุนต่ำเพื่อรันแชตบอตภาษาไทยได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนสูง หรือบริษัทบัญชี (accounting firm) สามารถสอนโมเดลให้ ‘อ่านใบเสร็จภาษาไทยและคำนวณ VAT’ ได้ตรงตามขั้นตอนงานจริง ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความปลอดภัยของข้อมูล หรือแม้แต่โรงเรียนกวดวิชาที่สามารถปรับแต่งครู AI บนคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยมั่นใจได้ว่าข้อมูลของเด็กและผู้ปกครองจะไม่หลุดออกนอกระบบ
โดยสรุปแล้ว Open-source model จะช่วยให้ธุรกิจ SME ของคุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งปรับเครื่องมือต่างๆ ของ AI ให้เข้ากับธุรกิจ และยังสามารถรักษาการควบคุมข้อมูลไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
มาถึงตอนนี้ Open-source AI ที่เราพูดถึงจะพาเราก้าวพ้นจากการดื่มแต่ ‘กาแฟซองนำเข้า’ และเริ่มสร้าง ‘เมนูกาแฟสูตรไทย’ ได้จริง เปรียบเสมือนวัฒนธรรมกาแฟไทยที่ผสมความคิดสร้างสรรค์ ตั้งแต่โอเลี้ยงที่กรองด้วยถุงผ้า เอสเพรสโซเย็นใส่นมข้น ไปจนถึงสูตรพิเศษเฉพาะร้าน โดยโมเดลเปิดนี้ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถออกแบบเครื่องมือดิจิทัลที่หยั่งรากจากภาษาและอัตลักษณ์แบบไทยๆ ได้อีกด้วย
SCBX R&D and Innovation Lab มองอนาคตนี้ด้วยความมั่นใจ และเชื่อว่า “ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นแค่ผู้บริโภค AI แต่จะเป็นผู้ชงกาแฟสูตรใหม่ด้วยมือของเราเอง” ด้วยเทคโนโลยีที่คนไทยรัก เข้าใจ และไว้วางใจ
ทั้งนี้ ตามรายงาน Stanford HAI AI Index Report 2025 สถาบันในสหรัฐฯ ปล่อยโมเดล AI ที่โดดเด่น 40 โมเดลในปี 2024 เทียบกับ 15 โมเดลจากจีน โดย Epoch AI ซึ่งเป็นผู้จัดทำข้อมูล ใช้คำว่า ‘Notable Machine Learning Models’ เพื่อระบุระบบที่มีอิทธิพลสูง เช่น GPT-4o, Claude 3.5 และ AlphaGeometry