อัลการาซ พิชิต ซินเนอร์ - บทสรุปในยูเอสโอเพน ที่ยังไม่ใช่ตอนจบ

ยูเอสโอเพน 2025 จบลงด้วยชัยชนะของ การ์ลอส อัลการาซ ที่พิชิต ยานนิก ซินเนอร์ 3-1 เซต ด้วยสกอร์ 6-2, 3-6, 6-1 และ 6-4 ในแมตช์การแข่งขันที่กินเวลาราว 2 ชั่วโมง 45 นาที

นี่เป็นการเล่นกันในรอบชิงชนะเลิศของ อัลการาซกับซินเนอร์ ที่กินเวลาสั้นที่สุด และแม้สกอร์จะจบลงด้วยผล 3-1 เซต เช่นเดียวกับในวิมเบิลดัน แต่หากใครได้รับชมเกม ก็จะเห็นว่า รูปเกมในแมตช์ชิงฯ ยูเอสโอเพนแตกต่างจากแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้ามากทีเดียว

การคว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ 6 และ ยูเอส โอเพน ครั้งที่ 2 ของ อัลการาซ จบลงด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นกับคู่ปรับอย่าง ซินเนอร์

แม้แมตช์นี้จะดีเลย์มากว่าครึ่งชั่วโมง จากการมีส่วนร่วมเข้าชมเกมของ โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่อัลการาซก็ยังออกสตาร์ตแมตช์นี้ได้อย่างแข็งแกร่ง

นักหวดสเปน ลงสนามด้วยการเล่นอย่างรวดเร็ว, รุนแรง และแม่นยำ เขาควบคุมเกมในเซตแรกได้ตั้งแต่เกมแรกของการแข่งขัน ด้วยการเบรกเสิร์ฟ ซินเนอร์ตั้งแต่เกมแรกที่ลงเล่น

อัลการาซ แสดงให้เห็นถึงการเล่นโฟร์แฮนด์ที่ทรงพลังและแสดงความหลากหลายในการเล่น เช่น ลูกดรอปช็อตและการสไลซ์โฟร์แฮนด์ ทั้งขนานเส้นข้างและทแยงมุม ที่ทั้งแม่นยำและรุนแรง

การเล่นของเขา สะกดซินเนอร์ให้ต้องเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ในเซตแรก โดยเฉพาะความเหนือกว่าในการเสิร์ฟและลูกโฟร์แฮนด์ที่เขาแสดงออกมา เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินผลการแข่งขันเกือบตลอดแมตช์

อัลการาซ เสิร์ฟได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ โดยเสียเกมเสิร์ฟเพียง 3 ครั้งเท่านั้นในการแข่งขันทั้งหมด และในแมตช์นี้เขาก็ไม่เสียดับเบิลฟอลต์เลยแม้แต่ครั้งเดียว

นอกจากนี้ อัลการาซยังใช้ความสามารถในการเปลี่ยนความสูง ความเร็ว และสปินของลูกจากท้ายคอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำลายจังหวะการเล่นของซินเนอร์ที่ชอบจังหวะที่สม่ำเสมอ

สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นในแมตช์นี้ พิสูจน์ได้อย่างดีว่า ฟอร์มสุดหรูตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ ที่เขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศโดยไม่เสียแม้แต่เซตเดียวตลอดทัวร์นาเมนต์ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา

และสุดท้ายเมื่อเขาเบรกเสิร์ฟ ซินเนอร์ ได้เป็นครั้งที่ 2 ในเกมที่ 7 ของเซตแรก มันก็ทำให้เขาปิดเซตแรกไปอย่างไม่ยากเย็นด้วยเวลาเพียง 38 นาทีเท่านั้น

เซตที่ 2 ซินเนอร์สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ด้วยการปรับปรุงการเสิร์ฟและเล่นลูกแบ็กแฮนด์ที่ดุดันมากขึ้น ทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนแรกในทัวร์นาเมนต์ที่สามารถเก็บเซตจาก อัลการาซได้

แต่นั่นคือสิ่งเดียวที่ดีของเขา เพราะการเสิร์ฟของซินเนอร์ไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานปกติของเขาตลอดทัวร์นาเมนต์ และมีข้อผิดพลาดลูกโฟร์แฮนด์หลายครั้งในเซ็ตแรก ซึ่งทำให้เขาเสียเปรียบตั้งแต่ต้น

ขณะเดียวกัน อัลการาซ ก็สร้างความกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซินเนอร์ไม่สามารถควบคุมเกมได้ตามที่ต้องการ และทำให้ซินเนอร์ มีข้อผิดพลาดที่ไม่ใช่ลักษณะปกติของเขา

ปัจจัยทั้งหมด ทำให้เซตที่ 3 ผลการแข่งขันออกมาค่อนข้างขาด หากใครได้ดู โนวัค โยโควิช พบกับ อัลการาซ ในรอบก่อนหน้า สภาพและแววตาของ ซินเนอร์ ในเซตที่ 3 แทบไม่ต่างจากแววตาของ โยโควิช ในช่วงท้ายเกมนั้นเลย

เซตที่ 4 แม้ ซินเนอร์ จะพยายามสู้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ความผิดพลาดในเกมที่ 5 ของเซตที่ 4 ที่ทำให้เขาเสียเกมเสิร์ฟ กลายเป็นจุดที่ทำให้เขาต้องพ่ายเกมแมตช์นี้ไป ชนิดที่ไม่มีโอกาสเบรกคืนได้เลยตลอดทั้งเซตที่เหลือ

สุดท้าย กลายเป็น อัลการาซ ที่คว่าชัยชนะในแมตช์นี้ไป ชนิดที่เรียกได้ว่า เล่นเทนนิสที่เกือบจะสมบูรณ์แบบออกมาต่อหน้าแฟนๆ ใน อาร์เธอร์ แอช สเตเดียมได้อย่างน่าดูชม

อัลการาซ กลายเป็นนักเทนนิสชายที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก บียอร์น บอร์ก ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้ 6 รายการ พร้อมขยับ สถิติ H2H ขึ้นไปเหนือกว่า ซินเนอร์ 1 เท่าตัว ที่ ชนะ 10 แพ้ 5

เขายังล้างตาความพ่ายแพ้ต่อ ซินเนอร์ ที่ วิมเบิลดัน ได้สำเร็จด้วย และทำให้ในปีนี้ ทั้ง 2 คน แบ่งถ้วยแชมป์แกรนด์สแลมกันไปคนละ 2 ใบ

หากนับช่วงเวลาตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุด รวม 8 แกรนด์สแลมแล้ว คนที่คว้าถ้วยรางวัลถ้วยแชมป์ได้ มีชื่อเพียง 2 คนนั่นคือ อัลการาซ กับ ซินเนอร์ เท่านั้น และยังเป็นการแบ่งเท่ากันคนละ 4 ถ้วยด้วย

โดย อัลการาซ คว้า เฟรนซ์โอเพน 2024 และ 2025, วิมเบิลดัน 2024 และ ยูเอสโอเพน 2025 ส่วน ซินเนอร์ คว้าแชมป์ ออสเตรเลียนโอเพน 2024 กับ 2025, วิมเบิลดัน 2025 และ ยูเอสโอเพน ปีก่อน 2024

จะเห็นว่า ทั้ง 2 คน ยังขาดแกรนด์สแลมอีกคนละรายการ โดยซินเนอร์ จะขาดเฟรนซ์โอเพน ส่วน อัลการาซ จะขาด ออสเตรเลียนโอเพน

หลังจบแมตช์ อัลการาซ กล่าวชื่นชมยานนิก ซินเนอร์สำหรับฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมและระดับการเล่นที่ยอดเยี่ยมในทุกทัวร์นาเมนต์ เขายังขอบคุณทีมงานและครอบครัว โดยกล่าวว่าความสำเร็จทั้งหมดของเขาเกิดจากพวกเขา

หนึ่งในประโยคน่าประทับใจและได้ใจแฟนๆ คือการที่เขาบอกว่า “ผมเจอคุณมากกว่าครอบครัวผมอีก แต่ก็ดีใจที่ได้ร่วมลงสนามกับคุณนะ”

ประโยคดังกล่าว มีความหมายมากกว่าแค่ทั้งคู่เจอกัน ดวลกัน และเป็นคู่แข่งขันกันเท่านั้น มันยังมีความหมายไปถึงบรรดาคนดูที่ได้ดูคู่นี้ดวลกันมาเกือบตลอดปี และถึงแม้จะเจอกันบ่อย แต่การดวลกันของทั้งคู่ก็นับได้ว่า เป็น Dream Final อย่างแท้จริง

เพราะตลอดฤดูกาล 2025 การเป็นมือ 1 และมือ 2 ของโลกของพวกเขา ทำให้โอกาสเดียวที่ทั้งคู่จะได้เจอกัน คือรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น

ที่น่าประทับใจ คือการที่พวกเขา ฝ่าฟันจนมาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศปีนี้ไปแล้วถึง 5 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ โรม มาสเตอร์ส, เฟรนซ์ โอเพน, วิมเบิลดัน, ซินซินนาติ มาสเตอร์ส และล่าสุดคือ ยูเอสโอเพน

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอย่าง มาร์ตินา นาฟราติโลวา และ ทิม เฮนแมน ต่างกล่าวชื่นชมฟอร์มของอัลการาซ โดย นาฟราติโลวา กล่าวว่า “อัลการาซ นำสิ่งที่ดีที่สุดของเขาออกมาใช้เมื่อถึงเวลาสำคัญที่สุด และเมื่อเขาอยู่ในฟอร์มนั้น เขาแทบจะไม่มีใครหยุดยั้งเขาได้” ขณะที่ เฮนแมน ชื่นชมการเสิร์ฟของอัลการาซว่าเป็น “ระดับมาสเตอร์คลาส” และ “ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ”

ชัยชนะนัดนี้ ยังทำให้ อัลการาซ ล้มบัลลังก์มือ 1 ของโลก ที่ซินเนอร์ ครองมาอย่างยาวนานถึง 65 สัปดาห์ลงได้สำเร็จ และก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมา มันไม่ใช่ทั้งจุดเริ่มต้น และ จุดจบ นี่เป็นเพียงระหว่างทางการต่อสู้กันของของ 2 มหาอำนาจใหม่ในวงการเทนนิส…และมันจะยังตำเนินต่อไปอย่างยากที่จะหาบทสรุปว่าใครเป็นผู้เหนือกว่า…ในตอนนี้

ภาพ: Clive Brunskill / Getty Images

อ้างอิง